Cheer up

            "ไก่กับไข่ อะไรมันเกิดก่อนกัน" หลายๆคนคงจะเคยร้องเพลงนี้กัน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้คำตอบ             …..แล้วการพูดกับการฟังภาษาอังกฤษล่ะ ควรจะฝึกอันไหนก่อน?             ส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ทราบคำตอบเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ             การฝึกฝนทักษะการพูดในกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้น มักจะได้รับการเน้นมากกว่า โดยโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษต่างๆทั่วโลก มักจะมีคอร์สสอนการพูดมากกว่าสอนการฟัง             นอกจากนี้ บทความด้านการเรียนรู้ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ ก็มักจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคการพูดมากกว่าเช่นกัน ซึ่งนั่นอาจทำให้หลายๆคนเข้าใจว่า ควรฝึกทักษะการพูดก่อน การตลาดกับการสอน             เคยมีครูสอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกันคนหนึ่ง (ก็คนเดียวกับที่ผู้เขียนเคยพูดถึงนั่นล่ะครับ) บอกว่า….             "ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษได้ คุณจะฟังภาษาอังกฤษได้เอง โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องฝึกการฟังเลย"             นั่นฟังดูเร้าใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนการได้ยินสุดยอดเคล็ดลับอะไรบางอย่างเลยทีเดียว             อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมาทราบภายหลังว่า คอร์สที่ครูอเมริกันคนนั้นเปิดสอน มีแต่คอร์สฝึกพูดเท่านั้น             เขาไม่มีแผนการสอนด้านทักษะการฟัง!             นั่นคือสาเหตุที่เขาบอกกับผู้เขียนเช่นนั้น กล่าวคือ เขาแค่ต้องการขายคอร์สเรียนของเขาเท่านั้นเอง             ในความเป็นจริงแล้ว หากต้องการให้ทักษะการพูดดีขึ้น คุณต้องพัฒนาทักษะการฟังก่อน             การที่เด็กทารกเริ่มพูดได้ตั้งแต่คำแรกเป็นต้นมา ตลอดจนถึงช่วงวัยเด็กโตนั้น มันก็มีจุดเริ่มต้นของกระบวนการ มาจากการฟังคำพูดของพ่อแม่หรือผู้ปกครองก่อนนั่นเอง            ...

     หลาย ๆ คนเคยได้ยินคำตำหนิ ติเตียนระบบการศึกษาภายในประเทศว่ามีช่องโหว่ มีจุดอ่อนมากมาย จนกระทั่งตัวระบบเองทำให้นักเรียนหลาย ๆ คนไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาเท่าใดนัก ยิ่งวิชาภาษาต่างประเทศแล้ว ยิ่งแล้วใหญ่ หลายคนคงเบือนหน้าหนีเลยทีเดียว บทความนี้อยากให้ความยุติธรรมกับระบบการศึกษาในประเทศบ้าง ให้เราลองมาสำรวจตัวเราส่วนหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่าการเรียนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น แม้ว่าการเรียนจำเป็นต้องมีครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาก็ตาม ข้อทบทวนสำรวจตนนี้จะมีอะไรบ้าง... มาอ่านกันเลย 1. น้องให้ความสำคัญกับมันหรือไม่             วิชาภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งในวิชาที่มักจะถูกมองข้ามจากนักเรียนนักศึกษาไทยหลายๆคน ด้วยความที่ตนเองรู้สึกว่า...

            ถึงแม้ทักษะด้านภาษาอังกฤษ จะเป็นสิ่งที่คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้ใหญ่และคนชรา สามารถเรียนรู้ได้โดยที่ยังไม่สายเกินไป แต่การเริ่มเรียนรู้และให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก วัยรุ่น หรือวัยเริ่มต้นทำงาน ย่อมมีข้อได้เปรียบ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ 1....

หลาย ๆ คนคงเคยโดนสั่งคัดกริยา 3 ช่อง มาแล้วเป็นจำนวนมากมายหลายสิบคำในสมัยเรียนมัธยมต้น หรืออาจจะสมัครใจคัดเองท่องเองก็แล้วแต่ เคยสงสัยหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่... ทำไมต้องกริยา 3 ช่อง แค่ 2 ช่องได้มั้ย? ภาษาอังกฤษไม่เหมือนภาษาไทยหรือภาษาอื่น ๆ ในทางบ้านเราที่จะมีการเติมคำวิเศษณ์เพื่อระบุกาลของกริยา แต่ภาษาอังกฤษใช้การเปลี่ยนรูปกริยาเสียเลย นอกจากนี้ยังมีเหตุผลใดอีกบ้างที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความสำคัญของการท่องกริยา 3 ช่อง มาอ่านกันเลย 1. ท่องง่ายเหมือนสูตรคูณ             "สองหนึ่งสอง สองสองสี่...

            การพูดกับการสนทนานั้นต่างกัน             การพูดอาจจะหมายถึง การบอกข้อความหรือประโยคสั้นๆ เช่น การบอกทางให้แก่นักท่องเที่ยว             ส่วนการสนทนานั้น หมายถึง การพูดคุยเจรจากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง             ดังนั้น ทักษะความรู้ที่คุณต้องมีในการสนทนาภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ จะต้องมากกว่าที่คุณใช้ในการพูดทั่วไป และทักษะความรู้ที่จะเป็นสิ่งที่ใช้ประเมินได้ว่า คุณพร้อมที่จะสนทนากับชาวต่างชาติแบบจริงๆจังๆ แล้วหรือยัง มีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1) คำศัพท์             หากเป็นการพูดบอกทาง หรือการขายของให้แก่นักท่องเที่ยว คุณอาจไม่จำเป็นต้องรู้คำศัพท์อะไรมากมาย             อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะสนทนากับชาวต่างชาติอย่างจริงๆจังๆ แบบว่านั่งดื่มกินและคุยกันในร้านอาหารใดร้านหนึ่ง โดยที่การสนทนาไม่หยุดชะงักลงเพราะความไม่รู้คำศัพท์ คุณควรจะมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษในหัวมากกว่า 300 คำขึ้นไป             หากคุณอยากรู้ว่า คุณพร้อมแล้วหรือไม่ ก็ลองลิสท์รายการคำศัพท์หรือเขียนออกมาเป็นหมวดหมู่ เช่น หมวดคำที่เกี่ยวข้องกับอาหาร หมวดคำที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ หมวดคำที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ ฯลฯ แล้วลองนำมารวมกันดูว่า...

คนไทยเราหลายๆคน นิยมชมชอบเรื่องการ 'ดูดวง' ตามจักราศีของตนเป็นอย่างมาก แต่วันนี้ เราจะไม่มาพูดถึงการทำนายทายทักใดๆ เพราะโหราศาสตร์แบบตะวันตก จะเชื่อในเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์มากกว่า ดังนั้น เราจึงเพียงแค่จะมาบอกว่า บุคลิกภาพของคนที่เกิดในแต่ละจักราศีนั้น มีคีย์เวิร์ดภาษาอังกฤษอะไรบ้าง ที่บ่งบอกถึงตัวตนของพวกเขา (อาจจะตรงบ้างไม่ตรงบ้าง) นอกจากจะทำให้รู้จักตนเองและผู้อื่นมากขึ้นแล้ว ยังได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษไปในตัวด้วยครับ Aries - ราศีเมษ ในหัวของชาวราศีเมษที่เป็นแบบแผน จะไม่ค่อยมีคำว่า ‘ยอมแพ้’ หรือคำว่า ‘ทำไม่ได้’ อยู่ที่ว่าจะทำได้ช้าหรือเร็วเท่านั้น และคุณมักจะทนอยู่กับคนที่ชอบทำตัวสิ้นหวังหดหู่ไม่ได้ เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกห่อเหี่ยวตามไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพยายามหลีกเลี่ยงถึงที่สุด             คีย์เวิร์ด -...

            เคยไหมครับ ที่รู้ว่าอาหารบางอย่างมีประโยชน์ เช่น ผักโขม บร็อคโคลี่ หรือพวกผักสีเขียวรสขมๆต่างๆ คุณรู้ว่าควรกิน แต่คุณไม่ชอบกิน แต่คุณก็หาทางกินมันจนได้ ด้วยการเอามันไปปั่นและผสมกับเครื่องดื่ม             ภาษาอังกฤษก็เช่นกันครับ หลายๆคนรู้ว่ามีประโยชน์ รู้ว่าควรเรียน แต่ในกรณีนี้ คุณยัง 'ทำใจ' หรือหาวิธีทำให้ตัวเอง 'เต็มใจ' เรียนไม่ได้ หากคุณกำลังรู้สึกขยาดกับการลงทะเบียนเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ หรือเกรงว่า จะไม่สามารถเรียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง หรืออาจติดปัญหาใดๆอยู่ เรามีข้อแนะนำมาให้แก่คุณ 1. อย่าอดทนกับเสียงในหัวของคุณ             เมื่อคุณจะเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ หรือสนใจที่จะเรียนภาษาอังกฤษแต่ยังลังเลใจอยู่ เสียงในหัวของคุณมักจะพร่ำบอกว่า... "เธอเรียนไปก็เท่านั้น ไม่รู้เรื่องหรอก" "ไม่เห็นมีใครเรียนแล้วเก่งได้สักคน" "ไม่คุ้มค่าเรียนหรอก จะโรงเรียนไหนก็เถอะ สอนแล้วไม่เคยเห็นผลลัพธ์สักที่เดียว นายอย่าไปเรียนเลย" นั่นคือเสียงในหัว หรือเสียงจากสมองของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่า จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์...

ความสำเร็จอันน่าทึ่งของพวกเขาใน 'ระดับโลก' ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาง่ายๆ เพราะพวกเขาก็ต้องสู้ฝ่าฟันในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เช่นเดียวกันกับที่คุณกำลังพยายามอยู่ในตอนนี้ 1) Shakira นักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่นทั้งชายและหญิงคนนี้ มีเชื้อสายโคลัมเบียน แต่มาโด่งดังเป็นพลุแตกจากการออกอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษครั้งแรก ในประเทศสหรัฐอเมริกา เหตุผลหลักที่เธอเรียนภาษาอังกฤษได้ดี ก็เพราะเธอมีแรงจูงใจที่จะทำเช่นนั้น เธอมีเป้าหมายชัดเจน คือ เธอต้องการเขียนเพลงของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสำหรับอัลบั้มของเธอ และในการให้สัมภาษณ์กับทาง MTV เธอกล่าวว่า... “ฉันมีความต้องการอย่างเร่งด่วนในการที่จะถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกของฉันออกมาเป็นภาษาสากล” ภาษาสากลที่เธอพูดถึง ก็คือ 'ภาษาอังกฤษ' นั่นเอง จากข้อมูลในปัจจุบัน Shakira เป็นหนึ่งในนักร้องที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก และมีทรัพย์สินทั้งหมดเป็นมูลค่าเกือบหนึ่งหมื่นล้านบาท 2) Arnold Schwarzenegger แทบจะไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่รู้จัก 'คนเหล็ก' หรือ The Terminator ภาพยนตร์ซึ่งนำแสดงโดยพระเอกหุ่นล่ำอย่าง...

แทบจะไม่มีใครในใต้หล้า ที่สามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแบบก้าวกระโดดได้อย่าง 'อาร์โนลด์ ชวาเซเน็กเกอร์' หรือ 'คนเหล็ก' ขวัญใจของคนทั่วโลกอีกแล้ว นอกจากจะเป็นแชมป์โลกด้านเพาะกายแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในนักแสดงที่สามารถทำเงินได้สูงสุดตลอดกาลในฮอลลีวู้ด และยังสามารถเอาชนะใจชาวอเมริกัน จนได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์อีกด้วย (แถมมีภรรยาสวยและรวยมากอีกต่างหาก) หากใครได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ของเราแล้ว คงพอจะทราบว่า เขาเกิดและโตที่ประเทศออสเตรีย แต่สามารถฝ่าฟันและเรียนรู้ทักษะภาษาอังกฤษ จนกระทั่งกลายมาเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ต่อไปนี้ คือ เคล็ดลับการฝึกภาษาอังกฤษในแบบฉบับของคนเหล็กผู้นี้ ตามที่เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในสื่อต่างๆ 1. ไม่แคร์เรื่องสำเนียง เรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่จดจำกันได้ดีมากที่สุดเกี่ยวกับตัวอาร์โนลด์ ก็คือเรื่องของการออกเสียงและสำเนียงภาษาอังกฤษอันโดดเด่นของเขา ถึงแม้บางครั้งสำเนียงของอาร์โนลด์จะถูกนำไปล้อเลียนตามสื่อต่างๆ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นตรงกันว่า ทักษะการพูดภาษาอังกฤษของเขามีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่หลายคนไม่ทราบ คือ …. เขา 'จงใจ' ที่จะรักษาสำเนียงต่างประเทศของตัวเองเอาไว้ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและแตกต่างจากนักแสดงฮอลลีวู้ดทั่วไปนั่นเอง             อาร์โนลด์เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า…. "ประเด็นของการเรียนพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้อยู่ที่การพยายามเลียนสำเนียงให้เหมือนเจ้าของภาษา เพราะเวลาที่คุณทำเช่นนั้น คุณมักจะพยายามพูดเน้นเสียงสูงเสียงต่ำ จนกระทั่งคนฟังๆไม่รู้เรื่อง" เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสมัยที่ผู้เขียนยังเป็นวัยรุ่น ในช่วงนั้นมีครูชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย...

สำหรับการเรียนติวภาษาอังกฤษนั้น ประโยชน์ในทางตรงก็คือ ด้านการศึกษาและหน้าที่การงาน โดยเฉพาะในยุคนี้ ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งในแง่ของการศึกษาและอาชีพ การเรียนภาษาอังกฤษสามารถช่วยให้คุณก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดได้ในทั้ง 2 ด้าน อย่างไรก็ดี นอกจากประโยชน์ทางตรงที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังมี 'ผลพลอยได้' หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า 'By-product' ซึ่งหมายถึง ผลดีที่จะเกิดขึ้นทางอ้อมจากการลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันนอกเหนือไปจากประโยชน์ทางตรงของการทำสิ่งนั้น ผลพลอยได้ที่เห็นได้ชัด จากการสัมภาษณ์ผู้ที่ลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ มีอยู่ 4 ประการหลัก ๆ ได้แก่...