ประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ที่มักจะได้ยินบ่อยๆ

3834


มาถึงบทความที่เกี่ยวกับการฝึกพูดภาษาอังกฤษกันบ้าง ต้องบอกก่อนว่าในบทความนี้เราจะคัดมาเฉพาะประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆในชีวิตประจำวัน นั่นหมายความว่ามันจะเป็นประโยคภาษาอังกฤษที่เราสามารถนำไปใช้ได้จริง ทีนี้มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีประโยคอะไรประมาณไหนบ้าง  


1. How is it going? 

.

ประโยคนี้มีความหมายเดียวกับประโยค “how are you” ที่แปลว่าสบายดีไหม ประโยคนี้เราสามารถใช้เอาไว้ถามกับคนที่เราไม่ได้เจอกันมานาน นอกเหนือจากนั้นแล้ว วลีนี้ยังสามารถเอาไว้ใช้เพื่อติดตามผลกับโปรเจคอะไรบางอย่างได้ด้วยเหมือนกัน อย่างเช่น เพื่อนของเรากำลังทำวิจัย แล้วเราต้องการที่จะติดตามผลว่าวิจัยของเพื่อนเนี่ยไปถึงไหนแล้ว เราก็สามารถถามเพื่อนได้เหมือนกันว่า

  • How is it going? หรือ How is your project going?


2. Long time no see! 

ประโยคนี้เราจะเอาไว้ใช้กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนสนิทเท่านั้นนะคะ ซึ่งถ้าแปลตรงตัวมันสามารถแปลได้ว่า
ไม่เจอกันนานเลยนะ” ประโยคนี้ยังสามารถเอาไว้ใช้ Update สถานการณ์ชีวิตของคนที่เราคุยด้วยได้เหมือนกัน ความหมายก็ประมาณว่าแบบ “ไม่เจอกันนานเป็นไงบ้าง


3. What have you been up to?

เคยสงสัยไหมคะว่าเพื่อนหรือคนสนิทที่ที่เขาหายไปนานๆเนี่ย เขาหายไปไหนมา เขาไปทำอะไรมา คำถามนี้สามารถใช้ถามได้เลยนะคะ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของชีวิตประจำวันทั่วไปเท่านั้น เรายังสามารถใช้ประโยคนี้กับสถานการณ์ที่เกี่ยวกับ ธุรกิจ ที่ทำงาน โรงเรียน ก็เป็นคำถามที่ดีเหมือนกันค่ะสำหรับคนที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วอยากจะอัพเดทชีวิตว่าเป็นยังไงกันบ้าง


4. How do you know? 

เธอรู้ได้ไงอ่ะ

ประโยคที่เอาไว้ใช้ตอนที่มีใครบางคนบอกหรือกล่าวบางสิ่งบางอย่างให้กับเราโดยที่เราไม่ได้คาดหวังที่จะได้ยินสิ่งนั้น 


5. It’s very kind of you!

คุณใจดีมากจริงๆ” เคยมีใครทำอะไรบางอย่างให้คุณมันอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่มันมีค่าสำหรับคุณไหม เราสามารถพูดประโยคนี้เพื่อเป็นการขอบคุณแบบอ้อมๆได้เหมือนกัน ประโยคนี้มักจะใช้กับคนที่สนิท เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว นอกจากนั้นประโยคนี้ยังทำให้ผู้ฟังนั้นรู้สึกดีมากเช่นกันด้วย 


6. Thank you anyway 

ประโยคนี้มันแปลว่าขอบคุณนั่นแหละ แต่จริงๆแล้วไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ คือสมมุติว่ามีคนอาสามาทำอะไรบางอย่างให้เราเพื่อไม่ให้มันดูน่าเกลียดจนเกินไป เอาง่ายๆคือตัวเขาเองก็อาจจะไม่ได้เต็มใจทำสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องทำเพื่อรักษาภาพลักษณ์หรือผลประโยชน์อะไรบางอย่าง ดังนั้นเราจะไม่ขอบคุณเขาเลยก็ไม่ได้ เราก็ต้องขอบคุณเหมือนกัน ซึ่งประโยคที่ใช้ส่วนใหญ่เขาก็จะบอกว่า

  • Thank you anyway
    อย่างไงก็ขอบคุณมากนะ


7. Thank you in advance

ประโยคนี้ก็เหมือนกัน แปลว่าขอบคุณเหมือนกันนั่นแหละ แต่วิธีการใช้และสถานการณ์อาจจะแตกต่างกันออกไป จริงๆแล้ว “in advance” มันคือล่วงหน้า อย่างเช่น “pay in advance” คือการจ่ายล่วงหน้า ดังนั้น “Thank you in advance” มันก็คือการขอบคุณล่วงหน้า แต่วิธีการใช้ของประโยคนี้ก็คือ เวลาที่เราต้องการจะให้ใครบางคนช่วยอะไรเราบางอย่างเนี่ย บางทีเราก็กลัวว่าเขาจะปฏิเสธ สามารถใช้ประโยคนี้ได้เลย

  • “Thank you in advance”
    ขอบคุณเขาล่วงหน้าไปเลย เขาก็จะรู้สึกเกรงใจเราก็จะช่วยเราทันที


8. No worries

ไม่เป็นไร” ประโยคนี้เราจะเจอบ่อยเเละใช้บ่อยมากๆ

  • When someone reports to you that the tea is not as hot as they expected, you can tell them ‘no worries’. This statement shows that you are okay with whatever proposition, result or situation there is.


9. What’s going on?

เกิดอะไรขึ้นหรอ

ประโยคนี้เอาไว้ใช้เวลาที่เราต้องการเช็คสถานการณ์อะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือครอบครัวหรือใครก็ตามเราสามารถใช้ประโยคนี้ได้ อย่างเช่นเพื่อนของเรามีหน้าตาเศร้าหมองเดินมาหาเรา เราสามารถถามได้เหมือนกันว่า What’s going on?


10. I didn’t catch the last word –

เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ

ก็ตามที่แปลเลย เวลาที่เราได้คุยกับใครโดยเฉพาะในภาษาอังกฤษ แล้วเราฟังไม่ทัน หรือฟังแล้วไม่เข้าใจ อันนี้ก็เป็นประโยคนึงที่สามารถนำไปใช้ได้เลย นั่นหมายความว่าอีกฝั่งนึงที่พูดให้เราฟังเนี่ยจะมีการพูดอีกครั้งหนึ่งหรือเขาอาจจะมีการอธิบายให้เราสามารถเข้าใจง่ายได้มากขึ้น


11. Sorry, I wasn’t listening 

ขอโทษทีนะเมื่อกี้ฉันไม่ได้ฟังน่ะ

ถ้าคุณกำลังฟังใครบางคนพูดอยู่ แล้วในขณะนั้นมีเหตุการณ์แทรกเข้ามาทำให้คุณไม่สามารถฟังได้อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถพูดประโยคนี้ได้เหมือนกัน “Sorry, I wasn’t listening” เพื่อที่ผู้พูดอีกฝ่ายจะได้ย้ำอีกครั้งว่าเขานั้นได้พูดอะไรไป


12. It doesn’t matter

มันไม่สำคัญหรอก

บางครั้งคนเราก็มีอารมณ์โกรธหรือหงุดหงิด ส่วนใหญ่แล้วเขาจะพูดประโยคนี้กัน เวลาที่อะไรไม่เข้าหูก็จะมีการพูดประโยคนี้ขึ้นมา “It doesn’t matter” แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำไปใช้ในประโยคปกติได้ด้วยตัวอย่างเช่น

  • It Doesn’t Matter How Loyal You Are to Someone.
    ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะซื่อสัตย์ต่อใครซักคนแค่ไหน


13. Things happen

เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องคิดมากนะ

บางทีชีวิตมันก็เต็มไปด้วยเรื่องที่เราไม่คาดฝัน เรื่องที่เราไม่คาดคิดมันสามารถเกิดขึ้นได้กันทั้งนั้น จริงๆประโยคนี้สามารถเป็นประโยคปลอบใจได้เหมือนกัน มันมีความหมายประมาณว่า “ไม่เห็นต้องแปลกใจเลย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหละ” ซึ่งพูดออกไปแล้วอาจจะทำให้อีกฝ่ายนั้นใจเย็นลง หรือสงบสติลง 


14. Sorry to bother you

ขอโทษที่รบกวนคุณ

ประโยคนี้เอาไว้พูดตอนที่เรานั้นรู้สึกเกรงใจรู้สึกว่าเรากำลังไปรบกวนใครบางคนอยู่ เป็นประโยคที่สามารถนำไปใช้ได้เลยและสุภาพมากๆ เหลืออีกรูปแบบหนึ่งที่เราสามารถพูดได้เหมือนกันนั่นก็คือ 

  • ‘Excuse me’ or ‘do you have a minute?’
    เราสามารถพูดประโยคนี้ได้เวลาที่เรานั้นต้องการความช่วยเหลือจากใครบางคน ซึ่งมันสุภาพมากๆ


15. I’ll be with you in a minute

เดี๋ยวฉันกลับมาแป๊บนึงนะ

สมมุติว่าคุณมาสายสำหรับการประชุมแล้วคุณรีบที่จะต้องไปทำอะไรบางอย่างในเวลาเดียวกัน สามารถพูดประโยคนี้ได้เหมือนกัน สุภาพมากๆสามารถนำไปใช้ได้เลย ประโยคนี้มีประโยชน์มากๆสำหรับสถานการณ์ที่เร่งด่วนแล้วเรานั้นมีงานล้นมือจริงๆ  ผู้ฟังก็จะเข้าใจได้ว่าเรานั้นต้องรีบไปทำอีกอย่างนึงก่อนแล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมาให้ไวที่สุด

Share
.