ภาษามีหลายระดับมากมาย ที่สำคัญก็คือมันถูกแบ่งเป็น formal (ภาษาทางการ) และ informal (ภาษาไม่ทางการ) ในภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ กับภาษาไทยโดยภาษาทางการก็จะใช้ในพวกงานเอกสาร งานเขียนที่จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนรายงานหรือการเขียนข่าว ส่วนภาษาไม่ทางการก็จะใช้ในการพูดหรือเพื่อการบันเทิง พอจะทราบความแตกต่างกันบ้างแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการใช้กันดีกว่า
1. ทางการต้องเขียนตัวเต็มเท่านั้น
Informal(ไม่ทางการ) = The research project won’t continue next year.
Formal(ทางการ) = The research project will not continue next year.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าภาษาทางการเราต้องเขียน will not โดยห้ามเขียนย่อเป็น won’t
2. การใช้ Phrasal verbs
Informal(ไม่ทางการ) = The results of the study were mixed up.
Formal(ทางการ) = The results of the study were confused.
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าการเลือกใช้กริยามีความแตกต่างกัน โดยภาษาไม่ทางการเราสามารถใช้กริยาวลีได้ เช่น mixed up แต่ถ้าเป็นภาษาทางการจะไม่นิยมใช้กริยาวลี จะนิยมใช้กริยาเดี่ยว ๆ มากกว่า
3. การใช้ภาษาพูด
Informal(ไม่ทางการ) = It was raining cats and dogs.
Formal(ทางการ) = It was raining very heavily.
เราจะไม่ใช้ภาษาปากหรือคำสแลงในการภาษาทางการ จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า cats and dogs สำนวนที่แปลว่า เยอะมากหรือมีจำนวนมาก ในภาษาทางการใช้แค่ very heavily เพราะภาษาทางการส่วนใหญ่จะใช้ในประกาศต่าง ๆ จึงต้องมีความชัดเจนและตรงไปตรงมา
4. การใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง
Informal(ไม่ทางการ) = We believe the practice is unsustainable.
Formal(ทางการ) = It is believed the practice is unsustainable.
ในภาษาทางการจะไม่นิยมใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งหรือสรรพนามที่กล่าวแทนผู้พูด เช่น I กับ We
5. การใช้อักษรย่อ
ในภาษาทางการ การใช้อักษรย่อส่วนใหญ่จะตามด้วยวงเล็บและชื่อเต็ม แต่ถ้าเป็นอักษรย่อที่รู้จักกันทั่วไป ไม่ต้องใส่ชื่อเต็มตามหลัง
นี่ก็เป็นความแตกต่างและวิธีการใช้ของภาษาทางการและไม่ทางการ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ