Clause Vs Phrase ต่างกันตรงไหน มีหลักการใช้อย่างไร?
Clause เรารู้จักกันในนามของ อนุประโยค ส่วนPhrase ก็คือวลีหรือกลุ่มคำ ซึ่งปกติแล้วเราต้องเจอสองอย่างนี้อยู่บ่อยๆในการพูดการฟังภาษาอังกฤษอยู่เป็นประจำเพียงแต่เรายังไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร วันนี้เรามาดูวิธีการแยก Phrase กับ Clause ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และมีหลักการใช้อย่างไร
Clause คือ อนุประโยคหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าส่วนย่อยของประโยค องค์ประกอบของ Clause มีสองอย่างคือ Subject (ภาคประธาน) Predicate (ภาคแสดง) หรือ Verb นั่นเอง ดังนั้น Clause จึงมีความหมายที่สมบูรณ์ด้วยตัวของมันเองหรือนับว่าเป็นหนึ่งประโยคได้เช่นกัน
ยกตัวอย่าง
He swims.
She listens to music.
ใน 1 ประโยคสามารถมีได้มากกว่า 1 Clause ยกตัวอย่าง
They will practice to speak because the presentation is very important.
สังเกตว่าประโยคนี้จะประกอบด้วยสอง Clause
They will practice to speak (Clause ที่ 1) โดยมี
They ทำหน้าที่เป็น Subject ภาคประธาน
will practice ทำหน้าที่เป็น Predicate ภาคแสดง
The presentation is very important. (Clause ที่ 2) โดยมี
The presentation ทำหน้าที่เป็น Subject ภาคประธาน
is ทำหน้าที่เป็น Predicate ภาคแสดง
โดยทั้งสองประโยคถูกเชื่อมด้วย because ที่ทำหน้าเป็น Coordinating Conjunction ทำหน้าที่บอกเหตุผล โดยทำให้ประโยคทั้งสองมีความประติดประต่อกัน
ยกตัวอย่างเพิ่มเติม
Jerry is reading a book but Tom is watching TV.
The man eats hamburgers and his friends eat chicken fried.
Phrase
Phrase แปลว่า วลีหรือกลุ่มคำ จะไม่มี Subject (ภาคประธาน) และ Predicate (ภาคแสดง) ดังนั้นคำเหล่านี้มักจะส่วนประกอบของประโยคเท่านั้น
ยกตัวอย่าง
- Too fast (AdvP) Adverb Phrase กริยาวิเศษณ์วลี
- On the bed (PP.) prepositional phrase วลีบุพ
- Love playing (VP.) Verb Phrase กริยาวลี
ยกตัวอย่างเมื่อคำเหล่านี้ไปอยู่ในประโยค
The car is running too fast. รถคันนั้นวิ่งด้วยความเร็วสูง
Too fast ทำหน้าที่เป็น (AdvP.) Adverb Phrase กริยาวิเศษณ์วลี เป็นส่วนขยาย running เป็นการบอกรายละเอียดว่ารถคันนั้นวิ่งเร็ว
My sister is jumping on the bed. น้องของฉันกระโดอยู่บนเตียง
on the bed. ทำหน้าที่เป็น (PP.) Prepositional phrase วลีบุพ เป็นส่วนขยาย jumping หากเราพูดว่า My sister is jumping เราก็เข้าใจว่าน้องสาวกำลังอยู่ แต่การเติม on the bed. เป็นบอกถึงสถานการตำแหน่งที่น้องกระโดดอยู่
Gigi love playing Piano. จีจี่การเล่นเปียโน่
love playing ทำหน้าที่เป็น (VP.) Verb Phrase กริยาวลี love คือ finite verb phrase ส่วน playing คือ non-finite verb phrase ดังนั้นเป็นการขยายกริยา verb ว่าจีจี่รักอะไร นั่นก็คือรักการเล่นเปียโน
ทดสอบความเข้าใจ
1. ข้อใดต่อไปนี้เป็น Phrase ทั้งหมด?
A. On the wall, in the water, over the horizon.
B. She laughs.
2. ประโยคต่อไปนี้มีกี่ Clause? “I looked everywhere but the cat was gone.”
A. 1 clause B. 2 clause
3. ข้อใดต่อไปนี้มีทั้ง Clause และ Prepositional phrase อยู่ในประโยค?
A. The pillow on the floor
B. She reads her novel and he is playing in the field.
เฉลย 1.A 2.B 3.B