ครอบคลุมทุกเรื่องเกี่ยวกับ Possessive Pronoun

1933

การใช้ Possessive Pronoun มักจะใช้เมื่อบริบทก่อนหน้ามีการพูดถึงคำนามนั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่าพูดถึงอะไร เพียงแค่ระบุต่อลงไปอีกว่า ใครเป็นเจ้าของ 

วิธีการใช้ 

.

Verb to be + Possessive Pronoun และมักจะวางอยู่ท้ายประโยคเสมอ หรือบางทีเราใช้คำนี้โดด ๆ เลยก็ได้ ไม่ต้องตามหลังด้วย Verb to be แต่ในบางครั้ง สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของก็จะใช้ขึ้นต้นประโยคเป็นประธานได้เช่นกัน

Ex. This book is mine.  (หนังสือเล่มนี้เป็นของฉัน)

Ex. The phone is mine, not yours. (โทรศัพท์นี้เป็นของฉัน ไม่ใช่ของเธอ)

 *คำว่า yours ใช้โดดๆ โดยไม่ต้องตามหลัง Verb to be)

Ex. He is a big fan of Jamie Oliver; those cookbooks are his. 

(เขาเป็นแฟนตัวยงของเจมี่ โอลิเวอร์ (เชฟทำอาหารชื่อดังชาวอังกฤษ) ตำราทำอาหารพวกนั้นก็เป็นของเขานั่นล่ะ)

Ex. Those are my sister’s shoes, They’re hers.  (พวกนั้นเป็นรองเท้าของพี่สาวฉัน มันเป็นของพี่สาว) 

*อย่างที่บอกไปว่า สรรพนามนี้จะใช้ต่อเมื่อมีการพูดแสดงความเป็นเจ้าของมาแล้วในประโยคก่อนหน้า จึงทำให้เข้าใจได้ว่า They’re hers ในที่นี้ คือพูดถึงรองเท้าเหล่านั้น ว่าเป็นของพี่สาว

Ex. I’ll show you your seat. Ours is the first row.  (เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปที่นั่งค่ะ ของพวกเราจะอยู่แถวหน้า) 

*ในที่นี้ Ours ใช้แทน Our seats หรือคือที่นั่งของพวกเรา และใช้แทนประธานได้เลย โดยที่กรณีนี้จะไม่ได้อยู่ท้ายประโยค

Ex. The dog is theirs.  (หมาตัวนี้เป็นของพวกเขา) 

Ex. Don’t judge a book by its cover.  (อย่าตัดสินหนังสือเพียงแค่หน้าปก) 

*จริง ๆ แล้วประโยคนี้เป็นสำนวนที่แปลว่า อย่าตัดสินใครเพียงแค่ภายนอกที่เห็น 

** ให้พึงระวัง การใช้สับสนระหว่าง It’s และ Its โดยที่

It’s ย่อมาจาก It is และมี ‘(apostrophe) เพื่อช่วยในการย่อคำ 

Its ที่ไม่มี apostrophe ก็คือหนึ่งในสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของค่ะ 

เช่น ในประโยคด้านบน ถ้าใช้ Don’t judge a book by it’s cover. จะถือว่าผิดหลักไวยากรณ์

Share
.