หลาย ๆ ท่านที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษ หรือกำลังที่จะฝึกฝนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะทางด้านการพูดเป็นภาษาอังกฤษนั้น อาจจะมีความเชื่อผิด ๆ ดังต่อไปนี้อยู่ในใจ
แล้วความจริงของความเชื่อเหล่านั้นเป็นอย่างไร? ความเชื่อนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่? ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านหรือผู้เรียนภาษาลองอ่านแล้วพิจารณาตามดูนะคะว่าจริงหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
1) ต้องพูดให้ชัดถ้อยชัดคำ
หลายๆคนอาจไม่รู้ตัว แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เวลาที่คุณพยายามจะพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา จิตใต้สำนึกของคุณมักจะคอยบอกคุณว่า ให้พูดแบบชัดถ้อยชัดคำที่สุด…แต่ปัญหาก็คือ ‘การพูด’ แบบชัดถ้อยชัดคำนั้น แตกต่างจาก ‘การออกเสียง’ อย่างถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่ได้ มันจึงตรงกันข้าม (หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า ‘Counterproductive‘)
เวลาที่คุณ ‘พยายาม’ พูดแบบชัดถ้อยชัดคำ มันจะส่งผลให้คุณพูดช้ากว่าปกติ โดยไม่รู้ตัว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คำพูดของคุณจะช้ากว่าเวลาที่เจ้าของภาษาเค้าพูดกัน และส่งผลให้มันฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
นั่นทำให้ผู้ฟังที่เป็นเจ้าของภาษา ยิ่งฟังคุณ ‘ยากขึ้น’ เข้าไปใหญ่ เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการฟังคำพูดแบบเร็วๆ หรือการออกเสียงแบบเชื่อมต่อกันมากกว่า
2) ต้องเกิดและโตที่ประเทศเจ้าของภาษาเท่านั้น
ไม่จำเป็นเลยครับ!
เราได้เคยพูดถึงเรื่องนี้กันไปแล้วว่า หากคุณต้องการพูดให้มี ‘สำเนียง’ เดียวกับเจ้าของภาษา อย่างเช่น สำเนียงอเมริกัน สำเนียงอังกฤษ หรือสำเนียงออสเตรเลีย คุณอาจจะต้องเกิดและโตที่ประเทศเจ้าของภาษาเท่านั้น
…แต่การพูดให้เป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษานั้น ถือเป็นคนละเรื่องกัน กล่าวคือ ต่อให้อยู่เมืองไทยและไม่เคยไปเมืองนอกเมืองนาเลย คุณก็สามารถฝึกพูดให้เป็นธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษาได้
คุณเพียงแค่ต้องรู้วิธีฝึกฝนและขยันฝึกบ่อยๆเท่านั้นเอง!
ในยุคประเทศไทย 4.0 นี้ ก็มีโอกาสมากมายที่คุณจะสามารถฝึกพูดเช่นนั้นได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การลงทะเบียนเรียนกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานและเปิดโอกาสให้คุณฝึกพูดได้อย่างสม่ำเสมอ
3) ต้องเรียนติวภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ
ข้อนี้ก็ไม่จำเป็นอีกเช่นกัน!
แม้แต่คนที่จบแค่ชั้นป. 4 หลายๆคน ก็สามารถพัฒนาตนเองและฝึกพูดภาษาอังกฤษ จนกระทั่งสามารถทำงานที่ใช้ภาษาอังกฤษและพูดได้คล่องเหมือนเจ้าของภาษาได้
ถ้าจะมีเงื่อนไขในการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาล่ะก็ คงจะมีอยู่เพียง 2 เงื่อนไขเท่านั้นเอง
ข้อแรก คุณต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทดลองเรียนรู้ภาษาอังกฤษเบื้องต้นก่อน
ข้อสอง คุณต้องเปิดใจยอมรับว่า ภาษาอังกฤษมีความสำคัญ
….และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นกว่านั้นอีก คือ คุณต้องสนุกกับการเรียนรู้มันและฝ่าฟันฝึกฝนจนเกิดความเคยชินหรือก่อเกิดเป็นนิสัย
เพียงแค่คุณสามารถขจัดความเข้าใจผิดทั้ง 3 ประการที่กล่าวมาทิ้งไปได้ นั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ความสำเร็จในการฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษาได้แล้วครับ