Work and Study at Australia 2022: เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปต่างประเทศ

3407

ตอนนี้น้อง ๆ หลายคนมีแพลนเรียนต่อต่างประเทศ หาที่ทำงานในต่างประเทศ หรืออยากจะย้ายประเทศ แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร หรือไปโครงการไหนดี มีเยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

วันนี้ น้องสาวคนสวย และเก่งของแอดกำลังเตรียมตัวเดินทางสู่แดนจิงโจ้ เร็ว ๆ นี้ 
แอดเลยขอเวลา “น้องเอฟ” จากรั้วจามจุรี จิบกาแฟ แชร์ประสบการณ์ให้ผู้ที่กำลังสนใจ โครงการ Work and Study @AUSTRALIA 2022 นี้สักหน่อย 

.
Miss Manatsanan Waiyarat

A. ทำไมถึงเลือกไปโครงการนี้ที่ประเทศนี้

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนนะคะ ว่าเอฟชอบเกี่ยวกับโครงการทางด้านภาษาอยู่แล้ว
ตอนที่เรียนมหาลัยก็ได้มีโอกาสไปโครงการ Work and Travel ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ช่วงนั้นก็จะมีการศึกษาหาข้อมูลโครงการต่าง ๆ เยอะมากเลยค่ะ เริ่มมีความสนใจโครงการ Work and Study ตั้งแต่ช่วงมหาลัย แต่เพิ่งมีโอกาสได้สมัครโครงการนี้ในช่วงที่ทำงานมาแล้วสักพัก เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งในการจ่ายค่าเรียนเลยต้องใช้เวลาหน่อย (หัวเราะ) 

การตัดสินใจในการไปโครงการ Work and Study ที่ประเทศออสเตรเลียครั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสมัครเรียนอยู่ในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไปค่ะ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในระยะเวลาเรียนที่เท่ากัน  นอกจากนั้นนะคะ วีซ่านักเรียนสามารถทำงานไปพร้อมกับการเรียนภาษาได้อีกด้วย (แต่ก็อยากให้โฟกัสที่การเรียนมากกว่าการทำงานนะคะ) และประเทศออสเตรเลียไม่ห่างจากประเทศไทยมากค่ะ เดินทางสะดวก คิดว่าน่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากโครงการนี้ค่ะ 😀

B. เตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนไปต่างประเทศครั้งนี้

1. ต้องถามตัวเองก่อน ว่าจะไปเรียนเพื่ออะไร เรียนทำไม เรียนคอร์สอะไร มีงบประมาณในการไปเรียนครั้งนี้เท่าไหร่ หลังจากเรียนจบแล้วจะนำมาต่อยอดอย่างไร เพราะก่อนที่จะสมัครเรียน เอเจนซี่ก็ต้องถามคำถามเหล่านี้กับเราเช่นกันค่ะ เพื่อที่จะช่วยแนะนำการเขียน *GTE และประเมินความเสี่ยงของการยื่นวีซ่าออสเตรเลียอีกด้วย
2. เลือก Agency ที่ไว้ใจได้ อาจจะลองสอบถามข้อมูลหลาย ๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบ เพราะแต่ละ Agency จะมีราคาค่าเรียนและบริการที่แตกต่างกัน
3. เตรียมเอกสารต่างๆ เช่น GTE* / หลักฐานทางการเงินของตนเองหรือ sponsor / ใบรับรองภาษาหรือเกียรติบัตร / ผลคะแนนทางด้านภาษา (ขึ้นอยู่กับคอร์สการเรียนของเราด้วยน้า) / ใบรับรองการทำงาน เป็นต้น : สำหรับการเตรียมเอกสาร ทาง Agency จะแนะนำเรานะคะว่าควรใช้เอกสารอะไรบ้างขึ้นอยู่กับโรงเรียนและคอร์สเรียนที่เราเลือกด้วยค่ะ
4. เมื่อเตรียมเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทาง Agency จะดำเนินการยื่นเอกสารให้กับทางสถานทูต
5. หลังจาก Submit วีซ่าแล้ว ต้องไปตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
6. รอผลวีซ่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าลุ้นมากที่สุดในการดำเนินการแล้วค่ะ 😀 เนื่องจากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการรอผลวีซ่าได้เลย บางคนรู้ผลภายใน 3 วัน บางคน 3 เดือนยังไม่ทราบผลเลย ส่วนของเอฟ ทราบผลวีซ่าภายหลังตรวจสุขภาพ 3 วัน (ในกรณีของเอฟถือว่าเร็วเลยค่ะ ทั้งนี้ระยะเวลาอนุมัติวีซ่า เราไม่สามารถระบุได้ชัดเจนขึ้นอยู่กับทางสถานทูตนะคะ)

C. มีวิธีเลือก Agency อย่างไร

สำหรับตัวเอฟเอง สอบถามข้อมูลกับหลาย Agency มากเลยค่ะ ดูรีวิวต่าง ๆ พูดคุยกับ Agency และดูว่า Agency ไหนสามารถให้คำแนะนำกับเราในการไปโครงการ Work and Study ครั้งนี้ได้ดีที่สุด ตอนนี้ Agency เยอะมากเลยนะคะ ก่อนตัดสินใจเลือก Agency อยากให้ลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ถ้าลองคุยกับ Agency ไหนแล้วน่าเชื่อถือและสบายใจก็เลือกเลยค่ะ 

Our destination – Australia

D. รวมแล้วใช้ระยะเวลากี่เดือนในการเตรียมตัว

หลังจากที่ตัดสินใจเลือก Agency ได้แล้ว แต่ละ Agency ก็จะมีการดำเนินการแตกต่างกันออกไป สำหรับ Agency ที่เอฟเลือกขั้นตอนเป็นแบบนี้ค่ะ
1. วางเงินมัดจำสำหรับดำเนินการก่อน 
2. เลือกเมืองที่เราจะไปเรียนในออสเตรเลีย โรงเรียนและคอร์สเรียนที่เราต้องการ 
3. ทดสอบระดับภาษาจากโรงเรียนที่เราเลือก ว่าตอนนี้เรามีระดับภาษาอังกฤษเลเวลไหน เหมาะกับการเรียนคอร์สอะไร ระยะเวลาในส่วนนี้ถ้าเราตัดสินใจได้เร็วก็รอไม่นานเลยค่ะ 
4. เมื่อเลือกโรงเรียนและคอร์สเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องรอจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียนที่เราเลือก โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วแต่โรงเรียน ในระหว่างนี้อาจจะเตรียมหลักฐานอื่น ๆ รอได้เลยค่ะ 
5. เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว ทาง Agency จะยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับทางสถานทูตออสเตรเลียเพื่อพิจารณาวีซ่าของเรา ระยะเวลาในส่วนนี้ไม่สามารถระบุได้เลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น บางคนรู้ผลภายใน 3 วัน แต่บางคน 3 เดือนยังไม่ทราบผลเลย แนะนำว่า เตรียมเอกสารให้พร้อมจะดีที่สุดค่ะ

E. ได้ยื่นคะแนนภาษาอังกฤษประเภทใดไหมคะ และต้องใช้คะแนนเท่าไหร่

เอฟยื่นคะแนน TOEIC ค่ะ (ตามจริงแล้วจะยื่นหรือไม่ยื่นก็ได้นะคะ แต่แนะนำให้ยื่นเพื่อใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมให้ทางสถานทูตอนุมัติวีซ่าเราค่ะ) 
สำหรับประเภทของคะแนนภาษาอังกฤษที่ใช้ยื่น ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เราเลือก โครงการ Work and Study ที่เอฟเลือกไป มีให้เลือกการเรียนหลายรูปแบบมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาหรือการเรียนด้านวิชาชีพไปเลย
บางคนเลือกไปเรียนแบบ Diploma, Advanced diploma course หรือ Certificate course โดยการเรียนในส่วนนี้ ส่วนมากจะมีกำหนดคะแนนภาษาอังกฤษขั้นต่ำไว้ด้วยค่ะ

F. มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาอยู่แล้วหรือเปล่า 

จริง ๆ แล้วเอฟพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาบ้างค่ะ สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะคะ 😀 การไปเรียนภาษาในโครงการ Work and Study ในความคิดเห็นของเอฟไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามาก่อนค่ะเพราะว่าเราต้องการไปเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเราเอง แต่ควรมีการเรียนภาษาอังกฤษหรือผลคะแนนภาษาอังกฤษมาด้วย เพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอวีซ่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราต้องการไปศึกษาด้านภาษาจริง ๆ และเคยมีการเรียนศึกษามาก่อนบ้างแล้ว เกียรติบัตรที่น้อง ๆ ทุกคนจะได้รับจากการเรียนคอร์สเรียนของ Engnow ก็สามารถใช้ยื่นเพื่อประกอบการพิจารณาได้นะคะ

Miss Manatsanan Waiyarat

G. แรงบันดาลใจในการผลักดันตนเอง “ฝากให้กำลังใจผู้ที่ท้อแท้ใจกับการตามฝัน และการฝึกฝนภาษาอังกฤษ”

ทุกคนควรรู้จักตัวเองก่อนค่ะ หลัก ๆ คือเป้าหมายเลย เราต้องมองเป้าหมายของตัวเองว่าเราต้องการอะไรจริง ๆ สำหรับแรงบันดาลใจของเอฟคือการได้มองเห็นว่าในอนาคต ถ้าเราได้ภาษาแล้วจะดีกับชีวิตเราอย่างไร ในปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราทุกคนควรสื่อสารได้นะคะ ถ้าเรามีภาษาอังกฤษที่ดีจะช่วยให้เรามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ดีขึ้นด้วย สามารถท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ได้ ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากขึ้น นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาที่สามอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน 

การออกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แน่นอนค่ะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าในการใช้ชีวิตต่างแดนจะพบเจออะไรบ้าง อาจจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่นั่นแหละค่ะคือประสบการณ์ชีวิตและเป็นสิ่งที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากต่างแดนให้คุ้มค่านะคะ ส่วนใครที่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปต่างประเทศไม่ต้องน้อยใจไปนะคะ ถ้าเป้าหมายเราชัดเจนว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษ อย่าทิ้งภาษาอังกฤษนะคะ ฝึกฝนเป็นประจำ พูดไปเลยค่ะ ลองพูดกับตัวเองก็ได้ ใช้งานบ่อย ๆ ผิดถูกไม่เป็นไรเลยค่ะ อย่างน้อยเราต้องกล้าเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เอฟขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถ้าเรามีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนแล้วก็แค่ทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างมั่นใจ ลงมือทำเลยค่ะ ทุกคนทำได้แน่นอน

*GTE ย่อมาจาก Genuine Temporary Entrant ซึ่งหมายถึง ข้อกำหนดพิจารณาการเข้าประเทศชั่วคราว เป็นจดหมายที่บอกว่าระบุถึงจุดประสงค์ในการมาเรียนและใช้ชีวิตที่ประเทศออสเตรเลียตามระยะเวลาที่กำหนด เมื่อหมดระยะเวลานั้น ๆ แล้วจะเดินทางกลับประเทศ 

น่าทึ่งมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับใครที่กำลังมีความสนใจ และมีความฝันอยากเดินตามเส้นทางแบบแบบนี้ ลุยเลยค่ะ! น้องเอฟได้ให้ข้อมูลไว้แน่นและละเอียดมาก ๆ ไม่ไปตามไม่ได้แล้วน้า ทั้งเก่งทั้งสวยแล้วยังใจดีมาร่วมแบ่งปันข้อมูลให้กับทาง Engnow อีก สุดยอดไปเลยยย ขอบคุณน้องเอฟมาก ๆ เลยนะคะ ขอให้มีความสุขน้า 💖

Sending heart to you jubjub💘

ขอขอบคุณ
Miss Manatsanan Waiyarat
น.ส. มนัสนันท์ ไวยารัตน์
บัณฑิตจากภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ในครั้งนี้ค่ะ 

Share
.