ตอนนี้น้อง ๆ หลายคนมีแพลนเรียนต่อต่างประเทศ หาที่ทำงานในต่างประเทศ หรืออยากจะย้ายประเทศ แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร หรือไปโครงการไหนดี มีเยอะแยะไปหมด เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
วันนี้ น้องสาวคนสวย และเก่งของแอดกำลังเตรียมตัวเดินทางสู่แดนจิงโจ้ เร็ว ๆ นี้
แอดเลยขอเวลา “น้องเอฟ” จากรั้วจามจุรี จิบกาแฟ แชร์ประสบการณ์ให้ผู้ที่กำลังสนใจ โครงการ Work and Study @AUSTRALIA 2022 นี้สักหน่อย
A. ทำไมถึงเลือกไปโครงการนี้ที่ประเทศนี้
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนนะคะ ว่าเอฟชอบเกี่ยวกับโครงการทางด้านภาษาอยู่แล้ว
ตอนที่เรียนมหาลัยก็ได้มีโอกาสไปโครงการ Work and Travel ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
ช่วงนั้นก็จะมีการศึกษาหาข้อมูลโครงการต่าง ๆ เยอะมากเลยค่ะ เริ่มมีความสนใจโครงการ Work and Study ตั้งแต่ช่วงมหาลัย แต่เพิ่งมีโอกาสได้สมัครโครงการนี้ในช่วงที่ทำงานมาแล้วสักพัก เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนหนึ่งในการจ่ายค่าเรียนเลยต้องใช้เวลาหน่อย (หัวเราะ)
การตัดสินใจในการไปโครงการ Work and Study ที่ประเทศออสเตรเลียครั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสมัครเรียนอยู่ในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไปค่ะ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในระยะเวลาเรียนที่เท่ากัน นอกจากนั้นนะคะ วีซ่านักเรียนสามารถทำงานไปพร้อมกับการเรียนภาษาได้อีกด้วย (แต่ก็อยากให้โฟกัสที่การเรียนมากกว่าการทำงานนะคะ) และประเทศออสเตรเลียไม่ห่างจากประเทศไทยมากค่ะ เดินทางสะดวก คิดว่าน่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากโครงการนี้ค่ะ 😀
B. เตรียมตัวอย่างไรบ้าง ก่อนไปต่างประเทศครั้งนี้
1. ต้องถามตัวเองก่อน ว่าจะไปเรียนเพื่ออะไร เรียนทำไม เรียนคอร์สอะไร มีงบประมาณในการไปเรียนครั้งนี้เท่าไหร่ หลังจากเรียนจบแล้วจะนำมาต่อยอดอย่างไร เพราะก่อนที่จะสมัครเรียน เอเจนซี่ก็ต้องถามคำถามเหล่านี้กับเราเช่นกันค่ะ เพื่อที่จะช่วยแนะนำการเขียน *GTE และประเมินความเสี่ยงของการยื่นวีซ่าออสเตรเลียอีกด้วย
2. เลือก Agency ที่ไว้ใจได้ อาจจะลองสอบถามข้อมูลหลาย ๆ ที่เพื่อเปรียบเทียบ เพราะแต่ละ Agency จะมีราคาค่าเรียนและบริการที่แตกต่างกัน
3. เตรียมเอกสารต่างๆ เช่น GTE* / หลักฐานทางการเงินของตนเองหรือ sponsor / ใบรับรองภาษาหรือเกียรติบัตร / ผลคะแนนทางด้านภาษา (ขึ้นอยู่กับคอร์สการเรียนของเราด้วยน้า) / ใบรับรองการทำงาน เป็นต้น : สำหรับการเตรียมเอกสาร ทาง Agency จะแนะนำเรานะคะว่าควรใช้เอกสารอะไรบ้างขึ้นอยู่กับโรงเรียนและคอร์สเรียนที่เราเลือกด้วยค่ะ
4. เมื่อเตรียมเอกสารทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ทาง Agency จะดำเนินการยื่นเอกสารให้กับทางสถานทูต
5. หลังจาก Submit วีซ่าแล้ว ต้องไปตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
6. รอผลวีซ่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่น่าลุ้นมากที่สุดในการดำเนินการแล้วค่ะ 😀 เนื่องจากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการรอผลวีซ่าได้เลย บางคนรู้ผลภายใน 3 วัน บางคน 3 เดือนยังไม่ทราบผลเลย ส่วนของเอฟ ทราบผลวีซ่าภายหลังตรวจสุขภาพ 3 วัน (ในกรณีของเอฟถือว่าเร็วเลยค่ะ ทั้งนี้ระยะเวลาอนุมัติวีซ่า เราไม่สามารถระบุได้ชัดเจนขึ้นอยู่กับทางสถานทูตนะคะ)
C. มีวิธีเลือก Agency อย่างไร
สำหรับตัวเอฟเอง สอบถามข้อมูลกับหลาย Agency มากเลยค่ะ ดูรีวิวต่าง ๆ พูดคุยกับ Agency และดูว่า Agency ไหนสามารถให้คำแนะนำกับเราในการไปโครงการ Work and Study ครั้งนี้ได้ดีที่สุด ตอนนี้ Agency เยอะมากเลยนะคะ ก่อนตัดสินใจเลือก Agency อยากให้ลองศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ถ้าลองคุยกับ Agency ไหนแล้วน่าเชื่อถือและสบายใจก็เลือกเลยค่ะ
D. รวมแล้วใช้ระยะเวลากี่เดือนในการเตรียมตัว
หลังจากที่ตัดสินใจเลือก Agency ได้แล้ว แต่ละ Agency ก็จะมีการดำเนินการแตกต่างกันออกไป สำหรับ Agency ที่เอฟเลือกขั้นตอนเป็นแบบนี้ค่ะ
1. วางเงินมัดจำสำหรับดำเนินการก่อน
2. เลือกเมืองที่เราจะไปเรียนในออสเตรเลีย โรงเรียนและคอร์สเรียนที่เราต้องการ
3. ทดสอบระดับภาษาจากโรงเรียนที่เราเลือก ว่าตอนนี้เรามีระดับภาษาอังกฤษเลเวลไหน เหมาะกับการเรียนคอร์สอะไร ระยะเวลาในส่วนนี้ถ้าเราตัดสินใจได้เร็วก็รอไม่นานเลยค่ะ
4. เมื่อเลือกโรงเรียนและคอร์สเรียนเรียบร้อยแล้ว ต้องรอจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียนที่เราเลือก โดยใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วแต่โรงเรียน ในระหว่างนี้อาจจะเตรียมหลักฐานอื่น ๆ รอได้เลยค่ะ
5. เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว ทาง Agency จะยื่นเอกสารทั้งหมดให้กับทางสถานทูตออสเตรเลียเพื่อพิจารณาวีซ่าของเรา ระยะเวลาในส่วนนี้ไม่สามารถระบุได้เลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้น บางคนรู้ผลภายใน 3 วัน แต่บางคน 3 เดือนยังไม่ทราบผลเลย แนะนำว่า เตรียมเอกสารให้พร้อมจะดีที่สุดค่ะ
E. ได้ยื่นคะแนนภาษาอังกฤษประเภทใดไหมคะ และต้องใช้คะแนนเท่าไหร่
เอฟยื่นคะแนน TOEIC ค่ะ (ตามจริงแล้วจะยื่นหรือไม่ยื่นก็ได้นะคะ แต่แนะนำให้ยื่นเพื่อใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมให้ทางสถานทูตอนุมัติวีซ่าเราค่ะ)
สำหรับประเภทของคะแนนภาษาอังกฤษที่ใช้ยื่น ขึ้นอยู่กับคอร์สที่เราเลือก โครงการ Work and Study ที่เอฟเลือกไป มีให้เลือกการเรียนหลายรูปแบบมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาหรือการเรียนด้านวิชาชีพไปเลย
บางคนเลือกไปเรียนแบบ Diploma, Advanced diploma course หรือ Certificate course โดยการเรียนในส่วนนี้ ส่วนมากจะมีกำหนดคะแนนภาษาอังกฤษขั้นต่ำไว้ด้วยค่ะ
F. มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาอยู่แล้วหรือเปล่า
จริง ๆ แล้วเอฟพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาบ้างค่ะ สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ แต่ก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นนะคะ 😀 การไปเรียนภาษาในโครงการ Work and Study ในความคิดเห็นของเอฟไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามาก่อนค่ะเพราะว่าเราต้องการไปเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของเราเอง แต่ควรมีการเรียนภาษาอังกฤษหรือผลคะแนนภาษาอังกฤษมาด้วย เพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอวีซ่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราต้องการไปศึกษาด้านภาษาจริง ๆ และเคยมีการเรียนศึกษามาก่อนบ้างแล้ว เกียรติบัตรที่น้อง ๆ ทุกคนจะได้รับจากการเรียนคอร์สเรียนของ Engnow ก็สามารถใช้ยื่นเพื่อประกอบการพิจารณาได้นะคะ
G. แรงบันดาลใจในการผลักดันตนเอง “ฝากให้กำลังใจผู้ที่ท้อแท้ใจกับการตามฝัน และการฝึกฝนภาษาอังกฤษ”
ทุกคนควรรู้จักตัวเองก่อนค่ะ หลัก ๆ คือเป้าหมายเลย เราต้องมองเป้าหมายของตัวเองว่าเราต้องการอะไรจริง ๆ สำหรับแรงบันดาลใจของเอฟคือการได้มองเห็นว่าในอนาคต ถ้าเราได้ภาษาแล้วจะดีกับชีวิตเราอย่างไร ในปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราทุกคนควรสื่อสารได้นะคะ ถ้าเรามีภาษาอังกฤษที่ดีจะช่วยให้เรามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่ดีขึ้นด้วย สามารถท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ได้ ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากขึ้น นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาที่สามอื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่เราควรเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
การออกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แน่นอนค่ะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าในการใช้ชีวิตต่างแดนจะพบเจออะไรบ้าง อาจจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่นั่นแหละค่ะคือประสบการณ์ชีวิตและเป็นสิ่งที่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากต่างแดนให้คุ้มค่านะคะ ส่วนใครที่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปต่างประเทศไม่ต้องน้อยใจไปนะคะ ถ้าเป้าหมายเราชัดเจนว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษ อย่าทิ้งภาษาอังกฤษนะคะ ฝึกฝนเป็นประจำ พูดไปเลยค่ะ ลองพูดกับตัวเองก็ได้ ใช้งานบ่อย ๆ ผิดถูกไม่เป็นไรเลยค่ะ อย่างน้อยเราต้องกล้าเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เอฟขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ถ้าเรามีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนแล้วก็แค่ทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างมั่นใจ ลงมือทำเลยค่ะ ทุกคนทำได้แน่นอน
*GTE ย่อมาจาก Genuine Temporary Entrant ซึ่งหมายถึง ข้อกำหนดพิจารณาการเข้าประเทศชั่วคราว เป็นจดหมายที่บอกว่าระบุถึงจุดประสงค์ในการมาเรียนและใช้ชีวิตที่ประเทศออสเตรเลียตามระยะเวลาที่กำหนด เมื่อหมดระยะเวลานั้น ๆ แล้วจะเดินทางกลับประเทศ
น่าทึ่งมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับใครที่กำลังมีความสนใจ และมีความฝันอยากเดินตามเส้นทางแบบแบบนี้ ลุยเลยค่ะ! น้องเอฟได้ให้ข้อมูลไว้แน่นและละเอียดมาก ๆ ไม่ไปตามไม่ได้แล้วน้า ทั้งเก่งทั้งสวยแล้วยังใจดีมาร่วมแบ่งปันข้อมูลให้กับทาง Engnow อีก สุดยอดไปเลยยย ขอบคุณน้องเอฟมาก ๆ เลยนะคะ ขอให้มีความสุขน้า 💖
ขอขอบคุณ
Miss Manatsanan Waiyarat
น.ส. มนัสนันท์ ไวยารัตน์
บัณฑิตจากภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ในครั้งนี้ค่ะ