เวลาที่เราเขียนอธิบายงานอะไรบางอย่าง เรามักจะยกตัวอย่างโดยใช้คำว่า “เช่น, ตัวอย่างเช่น” ขึ้นมาให้คนอ่านได้เห็นภาพและเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นใช่มั้ยล่ะคะ แต่ทีนี้ปัญหาในการเขียนงานในภาษาอังกฤษก็คือ หลายๆคนมักจะสับสนกับการใช้คำย่อว่า มันต้องใช้ตัวไหนกันแน่นะ สับสน ระหว่าง i.e. กับ e.g. ตลอดเลย ทั้งที่จริงๆแล้วทั้งคู่มีความหมายและใช้งานต่างกันชัดเจนเลยล่ะ
วันนี้แอดจะมาสรุปให้ทุกคนแบบกระชับสั้นๆ และให้มันจบแค่เราที่ตรงนี้พอ!
i.e.
อ่านว่า id est (อิด’เอสทฺ) แปลว่า “กล่าวคือ” หรือมีความหมายว่า “That is, In other words”
ใช้เพื่ออธิบายหรือขยายความเพิ่มเติมของสิ่งหรือประโยคที่กล่าวไปก่อนหน้าให้มีความชัดเจน เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทำหน้าที่เชื่อมประโยค มักพบในงานเขียนภาษาอังกฤษระดับกลางขึ้นไป เวลาอ่านให้อ่านไปเลยว่า that is
การใช้งาน
- เขียนจุด full stop ให้ครบทั้ง 2 จุด 2 ตำแหน่งทุกครั้ง
- ใช้วางไว้ระหว่างประโยค หรือ ระหว่างประโยคกับคำ/วลี
- ใส่เครื่องหมาย “จุลภาค” (comma) คั่นด้านหน้า และด้านหลังหากเป็นงานเขียนแบบอังกฤษ หรือใช้ “วงเล็บ”
- ไม่ต้องเขียนตัวเอียงใดๆ และเขียนเป็นตัวอักษรพิมพ์เล็กเท่านั้น
- เว้นวรรคด้านหลัง
ตัวอย่าง
- To cure and treat animals is my job, i.e., I’m a vet.
(รักษาและดูแลสัตว์คืองานของฉัน กล่าวคือ ฉันคือสัตวแพทย์)
- We do not open the store during summer, i.e. from March to May.
(เราไม่เปิดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งก็คือเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม)
e.g.
อ่านว่า exempli gratia (เอ็กเซ็มพลิ เกรเชียะ) หรือมีความหมายว่า “for example”
ใช้เพื่อยกตัวอย่างรายการหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น โดยการยกตัวอย่างคือยกมาบางรายการเท่านั้น ไม่ต้องเอามาทั้งหมด
การใช้งาน
- เขียนจุด full stop ให้ครบทั้ง 2 จุด 2 ตำแหน่งทุกครั้ง
- ใช้วางไว้ระหว่างประโยค หรือ ระหว่างประโยคกับคำ/วลี
- ใส่เครื่องหมาย “จุลภาค” (comma) คั่นด้านหน้า และด้านหลังหากเป็นงานเขียนแบบอังกฤษ หรือใช้ “วงเล็บ”
- ไม่ต้องเขียนตัวเอียงใดๆ และเขียนเป็นตัวอักษรพิมพ์เล็กเท่านั้น
- เว้นวรรคด้านหลัง
- (จริงๆคือทำเหมือนกันกับ i.e.เลยค่ะ)
ตัวอย่าง
- To cure and treat animals is my job, e.g., body check, operation, and diagnosis.
(รักษาและดูแลสัตว์คืองานของฉัน ตัวอย่างเช่น ตรวจร่างกาย, ผ่าตัด, และตรวจวินิจฉัย)
- We do not open the store during summer, e.g. March and April.
(เราไม่เปิดร้านในช่วงฤดูร้อน เช่นในเดือน มีนาคมและเมษายน)
สรุปสั้นๆง่ายๆกันอีกที i.e. คือ that is ส่วน e.g. คือ example สังเกตที่ e.g. -> e แทน example แค่นี้เอง เอาไปใช้ในงานเขียนให้สุดปังกันนะคะ เกร๋กว่าใช้แค่คำว่า example แน่นอน
เขียนโดย Phanitphan Eaimnon