ไหนๆ ใครบอกให้มานี่ … เอ่อออ ไม่ใช่! นั่นมัน C’mon ฮ่าๆ แค่เริ่มก็เป็นมุกคำผิดแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย วันนี้เรามาพบกับ mistakes the series ตอน จุดผิดที่เราพบได้บ่อยสุดๆ ในการใช้ภาษาอังกฤษนั่นเอง แอดได้ไปทำการค้นฟ้า เอ้ย! ค้นหว้า เอ้ย! ค้นน้า เอ้ย! ค้นหา พอๆ ถูกแล้ว ฮ่าๆ แอดได้ไปรวบรวม ค้นคว้าหาข้อมูล และใช้ประสบการณ์ของตนเองเนี่ยแหละเรียบเรียง จนได้มาเป็น 5 จุดผิดนี้ จะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกัน…
.
.
.
.
.
Run-on Sentence or Comma Splice
เป็นปัญหาที่เจอได้บ่อยมากในการเขียนภาษาอังกฤษ อย่างเวลาเราเริ่มเขียนบางทีไอเดียมันพุ่ง! ก็เขียนไปเพลินๆ ไม่หยุด เลยทำให้เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้น เรามาลงลึกกันทีละประเด็น เริ่มต้นที่ Run-on Sentence ตามชื่อมันก็เหมือนกับการที่เราเขียนประโยคไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเครื่องหมาย (Punctuation) หรือ คำเชื่อม (Conjunction) ใดๆ มากั้น นอกจากนั้น ยังมาเพิ่มเติมด้วย Comma Splice ที่เราเอา comma มาใช้เชื่อมประโยคโดยไม่จำเป็น เช่น
Incorrect : Ron is very intelligent, he started to count a number when he was 3 years old.
จากประโยคจะเห็นว่าเราใช้ comma มาเชื่อมโดยที่ไม่จำเป็น และถ้าตัดออกก็กลายเป็น Run-on อีก ดังนั้นวิธีที่เราควรแก้ไขก็คือ หาพ่อของลูกดีๆ เอ้ย! คำเชื่อมดีๆ มาใส่นั่นเอง โดยดูจาดความหมายของประโยค ดังเช่น
Correct : Ron is very intelligent because he started to count a number when he was 3 years old.
Subject-verb Agreement
หรือที่เราเรียกว่าเป็นการเลือกใช้คำกริยาให้สอดคล้องกับประธานนั่นเอง สำคัญมากเลยนะ! ยิ่งในการเขียนยิ่งสำคัญ หัวใจสำคัญ ให้จำไว้ว่า “หากประธานเอกพจน์ ก็ใช้กริยาเอกพจน์ หากประธานพหูพจน์ กริยาก็ต้องอยู่ในรูปพหูพจน์ด้วยเสมอ” ถ้าเราสามารถก้าวข้ามความผิดพลาดตรงนี้ได้ก็จะช่วยได้ดีทั้งในเรื่องการทำข้อสอบหลักไวยากรณ์ และการเขียนเลย มาดูตัวอย่างแบบผิดๆกันหน่อย
Incorrect : Anna and Mike is going to school.
ดูสิ่ จากประโยคด้านบน ประธานมี 2 คน คือ Anna Mike ที่เชื่อมกันด้วย and เราจึงไม่สามารถใช้ is ที่เป็น คำกริยารูปเอกพจน์ได้ ต้องเปลี่ยนเป็น
Correct : Anna and Mike are going to school.
Mistakes in Apostrophe Usage
การใช้เครื่องหมาย Apostrophe ( ‘ ) ผิดนั่นเองงง เราใช้เครื่องหมายนี้บ่อยมากๆ ไม่ว่าจะเป็น เวลาเราต้องการจะเขียนคำในรูปย่อ หรือ ใช้ ‘s เพื่อแสดงถึงความเป็นเจ้าของ เช่น
Incorrect : My daughter’s bag is next to his’ bag.
เอ้า มี his แล้วจะใส่ Apostrophe มาทำไม? เพราะ his ก็เป็น Possessive Adjective ที่แสดงความเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ไม่ต้องใส่เด้อสู! เราจะใส่เมื่อเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของโดยใช้ ‘s เท่านั้นนะ
Correct : My daughter’s bag is next to his bag.
Sentence Fragments
ข้อนี้ก็เกี่ยวข้อกับการเขียนเช่นเดี่ยวกัน มันก็คือปัญหาที่เราใช้ประโยคไม่สมบูรณ์นั่นเอง โดยประโยคนั้นๆ อาจขาด ประธาน กริยา หรือกรรมไป วิธีแก้ก็ง่ายมาก เติมมันเข้าไปค่ะ! เช่น
Incorrect : After I finish the project.
ใช่ค่ะ จบแล้ว มีแค่นี้จริงๆ ฮ่าๆ จากที่เห็น ประโยคที่ได้มาเป็นแค่ dependent clause ที่ไม่สามารถอยู่เดี่ยวๆ ได้ เพราะ มันสื่อความหมายได้ไม่ครบถ้วน ไม่รู้เรื่อง ดังนั้น เราจึงต้องเติม independent clause เพิ่มไปให้ กลายเป็น
Correct : After I finish the project, I will spend time doing nothing the whole day.
Capitalization
ที่ไม่ใช่การทำให้เป็นเมืองหลวงแต่อย่างใด! แต่มันเป็นการเลือกใส่ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ไปให้ถูกต้องนั่นเอง ดังตัวอย่าง
Incorrect : sarah and i went to khao yai last week.
โอโห … ราบเรียบเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดเลย ใช้แบบนี้หลักไวยากรณ์ไม่ปลื้มนะคะพูดเลย ฮ่าๆ หลักๆ หากเราอยากดูว่าคำไหนควรขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่บ้าง ให้จำสิ่งนี้
- ประธาน I พิมพ์ใหญ่ทุกครั้ง! ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประโยค
- ชื่อเฉพาะ เช่น ชื่อคน ชื่อสถานที่ พิมพ์ใหญ่ขึ้นต้นเสมอ!
- อย่าลืม ขึ้นต้นประโยคด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เท่านั้น!
จาก 3 ข้อนี้ เราก็จะสามารถแก้ประโยคด้านบนได้ว่า
Correct : Sarah and I went to Khao Yai last week.
ถ้าจะถามว่าแอดเคยทำไหมกับ 5 ข้อนี้? ขอบอกเลยว่า นับไม่ถ้วนค่ะ ฮ่าๆ แต่เมื่อเราได้มาใช้ภาษาบ่อยขึ้น ฝึกการเขียนบ่อยมากขึ้น มันก็ยิ่งลดปัญหาการใช้ผิดพลาดแบบนี้ไปได้มากขึ้นเท่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า “Practice makes perfect.” จริงๆ แหละค่ะ ยังไงก็อย่าลืมไปฝึกฝนกันบ่อยๆ แล้วแอดจะรอวันที่ลูกเพจมาบอกว่า “เนี่ยเราแต่งประโยคได้ไม่ผิดแล้ว เก่งกว่าแอดแล้ว” นะคะ 🙂 สำหรับวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีค่าาาาาาา