5 คำที่มีที่มาจากผู้เขียนชื่อดัง

1931


ช่วงนี้เราจะมาพบกับคำศัพท์ festival กันนะคะ ฮ่าๆ หลังจากที่เราได้รู้เรื่องราวที่มาของคำศัพท์ต่างๆกันแล้วในบทความก่อนๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงบุคคลซึ่งเป็นผู้สร้างคำเหล่านั้นกันบ้างค่ะ ซึ่งทุกคนรู้มั้ยคะว่า ในการสร้างคำที่ยิ่งใหญ่ ที่บางคำดังไกลจนคนใช้กันทั่วโลกนี้ ก็เกิดมาจากบุคคลที่เรียกว่า “นักเขียน” ด้วยเหมือนกันนะคะ อู้หู้วววววว! เหลือจะเชื่อ แต่มันก็จริง เราไปดูกันดีกว่าว่า 5 คำที่มีที่มาจากนักเขียนที่กล่าวถึงนี้จะมีคำใดและจากใครบ้าง …



“Twitter”

.

นักเขียนคนแรก เป็นผู้สร้างคำที่ในปัจจุบันนี้กลายเป็นชื่อแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆของโลก เป็นแอปใดไปไม่ได้ นอกจาก “Twitter” ย้อนกลับไปในปี 1300 คำที่ใช้เรียกเจ้าแอปชื่อดังนี้ ถูกกล่าวถึงครั้งแรก โดยผู้เขียน Geoffrey Chaucer ในหนังสือ The Canterbury Tales ซึ่งเป็นงานเขียนที่มีชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างมาก Chaucer ที่ตอนนั้นได้ใช้คำนี้ในการอธิบายเสียงนกที่ร้องเจื้อยเเจ้วในงานเขียนของเขา หารู้ไม่ว่า ในอีก 700 กว่าปีต่อมา คำนี้มันไม่ได้หมายถึงเสียงนกอีกต่อไป แต่กลายเป็นเสียงของผู้คนที่มาทวีตข้อความลงไปในสังคมออนไลน์อันยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคนบนโลกนี้แทน ฮือ โลกใบที่สองของแอดดดด



“Nerd” 

คำต่อมาเป็นคำที่มีความหมายถึงบุคคลที่มีระดับสติปัญญาสูงมากกกกกกกก! ผู้คนจะมองว่าพวกเขาไม่ค่อยเข้าสังคม แต่จะเอาแต่ศึกษาในเรื่องที่ตนสนใจนั้นๆเป็นอย่างมากแทน หรือ ที่เป็นความหมายของคำว่า “Nerd” นั่นเอง ย้อนเวลากลับไปในปี 1950 คำนี้ถูกสร้างโดย Dr. Seuss ปรากฏครั้งแรกในหนังสือเด็กที่ชื่อว่า If I Ran the Zoo ใช้อธิบายถึงเจ้าสิ่งมีชีวิตที่มีหน้าตาบูดบึ้งใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ O.O ไม่เหลือเค้าของสิ่งๆนั้นในปัจจุบันเลยที่เดียว ฮ่าๆ ใครอยากดูรูปน้องตัวนี้ ลองพิมพ์ ชื่อหนังสือพร้อมคำว่า nerd ได้เลยน้า แล้วจะเจอเลยยย เจอnerd? ใช่! (What!) ฮ่าๆ



“Tween”

ต่อมา คำนี้เป็นคำที่ปรากฏในหนังสือนิยายแฟนตาซีไตรภาค ที่มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โด่งดังไปทั่วโลก นั่นก็คือ คำว่า “Tween” ที่ถูกใช้ครั้งแรก ในหนังสือ Lord of the Rings โดยนักเขียน J.R.R. Tolkien นั่นเอง ซึ่งคำว่า tween นี้ไม่เกี่ยวกับ twitter ด้านบนแต่อย่างใดนะคะ คำนี้เป็น Noun (คำนาม) มีความหมายว่า เด็กที่มีอายุระหว่าง 9-12 ปี เป็นคำศัพท์ที่ blogger ชาวต่างชาติใช้กันมากเลยทีเดียวค่ะ แตกต่างจากต้นกำเนิดในหนังสือนิยายอันโด่งดังนั้น คำนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้เรียกเด็กๆแต่อย่างใด ผู้เขียนได้นำมาเรียกเจ้าฮอบบิทจอมขาดความรับผิดชอบ ที่มีอายุราวๆ 20-33 ปี ต่างหากค่าาาาาา



(รูปภาพจาก the times)

“Meme”

คำรองสุดท้าย แอดมายด์มั่นใจว่าชาว social ทุกคนต้องรู้จัก! ฉันฉัน (เอ้า! งงหน่ะสิ่ คืออะไร) ฮ่าๆ  รูปภาพที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวตลอดกาลให้กับผู้ที่ได้พบเห็น หรือคำว่า “Meme” นั่นเองค่าาาาา เห็นมั้ย ทุกคนรู้จักกันใช่มั้ยคะ? แล้วคำนี้มีต้นกำเนิดมาจากนักเขียนท่านไหนน้า เขาคือ Richard Dawkins ผู้เป็น Evolutionary Biologist หรือ นักชีววิทยาวิวัฒนาการ เดิมทีแล้ว ความหมายของคำว่า meme นี้ค่อนข้างที่จะจริงจังมากๆในระดับนึงเลยนะคะ กล่าวคือใช้กล่าวถึงสิ่งที่แสดงออกถึงความคิด พฤติกรรม หรือ ลักษณะ ที่สามารถส่งผ่านจากคนสู่อีกคนได้ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นท่าเต้นสุดฮิต วิดีโอสุดดัง แฟชั่นใหม่ๆ ไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ มีคำกว่านึงบอกว่า meme ก็เหมือนไวรัสเพราะมีการเกิดขึ้น ถูกส่งต่อ กลายพันธุ์ แล้วสุดท้ายก็ตายไป แล้วเพื่อนๆมีความคิดเห็นว่าอย่างไรคะ คิดเหมือนคำกล่าวนี้รึเปล่า?



(รูปภาพจาก Tony Evans/Getty Images)

“Gremlin”

สุดท้ายที่ท้ายสุด คำนี้เกี่ยวข้องกับวงการการบินนนนน นั่นคือคำว่า “Gremlin” คำนี้มีความหมายในเชิงตลกว่า สัตว์ตัวน้อยในจินตนาการที่ทำให้เกิดการขัดข้องของเครื่องยนต์ของเครื่องบิน ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย The Royal Naval Air Service ช่วงราวๆสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ต่อมา Roald Dahl นักเขียนชื่อดังได้ทำให้คำนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นจากหนังสือของเขา The Gremlins: A Royal Air Force Story และ ต่อมาได้กลายมาเป็นตัวละครสุดฮิตในภาพยนตร์เรื่อง Gremlins ในปี 1984 นั่นเอง ไหนใครทันดูบ้าง? ขอยอมรับว่าแอดมายด์เกิดไม่ทันค่า แฮ่ๆ TT



เป็นไงกันบ้างคะเพื่อนๆชาว Engnow ก็จบไปแล้วนะคะจากการรีวิวนักเขียน เอ้ย! รีวิวคำที่มีต้นกำเนิดมาจากนักเขียนทั้ง 5 คนนั่นเอง ไหนใครมีคำไหนที่อยากรู้อยากแชร์ ก็มา comment กันไว้ได้นะคะ วันนี้แอดมายด์ขอลาไปก่อนแล้ว สวัสดีค่าาาา 🙂

ที่มา: https://www.babbel.com/en/magazine/5-words-you-wouldn-t-guess-authors-made-up

Share
.