ขึ้นปีใหม่แล้ว หลายๆคนก็คงอยากที่จะรีเซตและตั้งเป้าหมายใหม่ให้กับตัวเอง เพื่อที่จะได้สร้างความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นจากเรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ ก็เหมือนที่ตั้งใจจะทำในทุกๆปี แต่ก็ไม่เคยทำได้สักทีนั่นแหละ
ปีใหม่นี้ บอกตัวเองให้ลดน้ำหนัก แต่ตาชั่งกลับตีเด้งขึ้นมาเฉย บอกตัวเองดื่มน้ำวันละ 8 แก้วนะ
เอ้า… ไม่มีใครบอกว่าน้ำแบบไหน ก็ซัดน้ำชาไข่มุกไปเลยจุกๆ 8 แก้ว
ปีใหม่นี้ บอกตัวเองให้ลืมเขาได้แล้ว!
แต่แค่แกทักมาถามว่าเป็นยังไงบ้างก็พร้อมกลับไปหาเลยค้าบไอต้าว
เอ้อออก็เป็นแบบนี้ไง เลยต้องรวบรวมวิธีจัดการวางแผนและเขียน New year, New resolutions ขึ้นมาให้อ่านกัน
การตั้งเป้าหมายในชีวิตให้สำเร็จ สิ่งที่สำคัญและไม่ควรมองข้ามเลยคือ “การเติบโตไปในแบบของตัวเอง” การไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะให้เราหยุดพัฒนาตัวเองนะ
แค่ต้องเป็นตัวเองในแบบที่อยากเป็นก็พอแล้ว
1. Continually Learn
หรือ Longlife learning (LLL) คือการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน ทำให้เราได้พัฒนาทักษะตัวเองอยู่เสมอ การฝึกฝนในสิ่งใดอย่างต่อเนื่องย่อมนำมาซึ่งความเชี่ยวชาญและความชำนาญอย่างแน่นอน
แล้ววิธีการทำจะทำยังไงดีล่ะ?
ควรจะมีการตั้งเป้า กำหนดขอบเขตไว้ เช่น ตั้งใจจะอ่านหนังสือ ให้กำหนดว่าจะอ่านวันละกี่หน้า ถ้าอยากอ่านวันละ 3 หน้า ก็อ่านวันละ 3 หน้าทุกวันไปเรื่อยๆ ทีนี้ถ้าวันไหนไม่ได้อ่าน ก็จะเริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนลืมทำอะไรสักอย่าง เพราะการอ่านจะกลายเป็นนิสัยติดตัวเราไปแล้ว
หรือหากเราต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ก็สามารถหาเรียนคอร์สออนไลน์เสริมได้ ไม่ว่าจะเป็นจาก MasterClass, Udemy, Skillane ก็น่าสนใจ แต่ถ้าหากว่าอยากจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษละก็ต้องที่ Engnow นี่เลยมีคอร์สสอนภาษาหลากหลายระดับให้เลือก รับรองว่าปีใหม่นี้ อัพสกิลติดจรวดแน่นอน
2. Keep a Daily Journal or Gratitude Log
หากปีที่ผ่านๆ มายังไม่เคยทำเขียนแพลนสิ่งที่ต้องทำหรือสิ่งที่อยากจะทำในแต่ละวัน ให้เริ่มทำในปีใหม่นี้
ปี 2022 การเขียนแพลนจะช่วยทำให้เราจัดการความคิดให้เราได้ดียิ่งขึ้น อาจช่วยลดความคิดมากหรือฟุ้งซ่านได้ด้วยนะ
รวมถึงการบันทึกเรื่องราวดีๆ หรือสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณที่ได้เกิดขึ้นในแต่ละวัน ก็จะทำให้เราได้มองเห็นภาพรวมชีวิต หรือความรู้สึกของแต่ละวัน ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อาจลองเขียนแพลนเนอร์ลงบนกระดาษแพลนเนอร์น่ารักๆ โดยอาจแพลนเป็น รายวัน รายสัปดาห์ หรือถ้าใครไม่ถนัดแบบกระดาษ ก็สามารถโหลดแอพเก๋ๆ ลงในสมาร์ทโฟนของเราได้เหมือนกัน ที่เราต้องทำก็แค่หาแบบที่ชอบ เอาที่เราถนัด แล้วลองลงมือจัดการแผนการ ความคิดต่างๆ ของตัวเองที่ลอยอยู่ในอากาศจับมันมาลงในแพลนเนอร์ดูนะ ชีวิตจะง่ายขึ้นมากจริงๆ
3. Respond Don’t React
ให้แพลนชีวิตแบบ Goal-setting เป็นแบบ “Respond” ไม่ใช่แบบ “React” ตรงนี้อ่านแล้วอาจจะงงๆ เพราะรู้สึกว่าความหมายของ 2 คำมันก็เหมือนๆกันไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะยังไงอะ
“Respond” หมายถึงต้องผ่านการคิดอย่างถี่ถ้วน รวดเร็ว และเชิงบวก (ยิ่งดี)
ซึ่งจะแตกต่างกับ “React” ที่จะมาจากสัญชาตญาณแบบทันทีทันใด อาจเป็นความคิดที่ไม่ค่อยจะรอบคอบเท่าไหร่นัก ดังนั้น แพลนปีใหม่ หรือแพลนชีวิต หรือเป้าหมาย (Goal-setting) ของเราควรเป็นแบบ “Respond”
จะช่วยให้แพลนหรือเป้าหมายของเรามีประสิทธิภาพ และทำให้เราสำเร็จเป้าหมายในปีนี้ได้อย่างดี
ทีนี้ลองปรับ Goal-setting เป็นแบบ Respond ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของเราดู
พฤติกรรมนี่เป็นส่วนสำคัญในการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยล่ะ ถ้าเรามีความคิดอยากริเริ่มสิ่งใหม่ๆ แต่ไม่ลงมือทำ ไม่ปรับพฤติกรรมเก่าๆ แล้วมันจะสำเร็จได้ยังไง จริงไหม ปีใหม่นี้ เอาเลย
พฤติกรรมที่ไม่ดี มักจะทำให้เรารู้สึกว่าได้รับรางวัลตลอดเลย ยกตัวอย่างพฤติกรรมไม่ดี เช่น
การผลัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination) รางวัลของมันก็คือ เย้วันนี้สบายแล้วไม่ต้องทำงานต่อ ค่อยทำแล้วส่งวันหลังแล้วกันนะ บายย แต่ๆๆๆอย่าลืมว่าก็ต้องไปปั่นงานเอาวันข้างหน้าอยู่ดี ไม่ได้สบายจริงๆหรอก
ในทางกลับกัน ถ้าเรามีการวางแผนงานที่ดีตั้งแต่ต้น ก็จะส่งผลทำให้เราได้รับแต่เรื่องดีๆ วางแผนดี = ส่งงานตรงเวลา = ไม่ต้องเลื่อน = ได้พักอย่างแท้จริง เท่านี้ก็เป็นพฤติกรรมดีๆ แบบ Respond แล้ว
4.Prioritize Self-Care
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ ทุกอย่างขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เราเกิดความเร่งรีบที่จะใช้ชีวิต รีบประสบความสำเร็จ บางทีรีบใช้ชีวิตมากเกินไป จนใช้ชีวิตอยู่เพื่อทำงาน ไม่เกิด work-life balance เพราะกลัวการไม่ประสบความสำเร็จ กลัวจะดูไม่ Productive ความเป็นจริงแล้ว ความคิดต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้เรามองไปแต่ข้างหน้า ไม่ยอมให้ตัวเองได้หยุดพักและถามตัวเองในปัจจุบันว่า “เป็นยังไงบ้าง”
สำหรับหลายๆคน ถ้าพูดถึง Self-care อาจจะนึกถึงชาเขียวอุ่นๆสักถ้วย แต่บางคนอาจจะไปนึกถึงยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อไปเลยก็ไม่ผิด
ในความเป็นจริงการดูแลตัวเอง (Self-care) นั่นง่ายมาก ที่ต้องทำก็แค่ดูแลถนอมกายและจิตใจของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การดูแลถนอมสุขภาพตัวเอง วิธีง่ายๆ อย่างการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อดูแลทางกายแล้ว การได้ดื่มกาแฟที่ชอบ การได้พูดคุยนัดเจอกับเพื่อนๆ หรือได้ทำในกิจกรรมที่สนใจ ก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพทางจิตใจที่ดีเยี่ยมที่สุดเลย
เพื่อที่จะได้รู้ตัวว่า เราได้ดูแลตัวเองดีแค่ไหนสำหรับปีนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ การรู้จักติดตามและประเมินสุขภาพตัวเองอยู่เสมอ อาจแพลนว่าสุดสัปดาห์นี้จะไปกินของที่ชอบ ไปทำกิจกรรมที่สนใจ หรือแค่อยากพักผ่อนเงียบๆ อยู่บ้าน แค่เราจัดการเวลาและลำดับความสำคัญของชีวิตส่วนตัวเราบ้าง ให้เราได้หยุดพักบ้าง เมื่อถึงคราวต้องกลับมา Productive มันก็จะเป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพด้วย ดีต่อตัวเองและดีต่องานที่รักด้วยนะ
ไม่ว่า New year’s resolutions ปีใหม่ เป้าหมายใหม่ ของทุกคนจะมีแพลนแน่นหนา หรือยิ่งใหญ่กันแค่ไหน สุดท้ายแล้วสุขภาพจิตสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย ถ้าสุขภาพจิตเราไม่แข็งแรงพอ เราจะไม่มีแรงเหลือที่จะทำสิ่งอื่นๆ ตามแพลนตลอดปี 2022 ให้สำเร็จได้นะ
ได้รู้วิธีในการทำ New year’s resolutions ปีใหม่ เป้าหมายใหม่ กันไปแล้ว หากปีนี้ใครมีแพลนอยากเก่งภาษาอังกฤษ นี่เลยยยมาดูคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ได้รับจากบทความนี้กันเตอะ
- Continually (Advj.) กระทำอย่างต่อเนื่อง ซ้ำๆ
- Gratitude log (N.) การเขียนบันทึกเรื่องราวดีๆ หรือสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณ
- Procrastination (N.) การผลัดวันประกันพรุ่ง
- Prioritize (V.) ตัดสินใจว่าสิ่งใดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
- A catch-22 (N.) เป็นการเรียกเหตุการณ์ที่ เมื่อคุณไม่สามารถทำสิ่งๆ หนึ่งให้สำเร็จได้ เพราะคุณยังไม่สามารถทำให้สิ่งอื่นๆสำเร็จได้ เป็นรูปแบบ Paradox ที่กระทบกันไปมา
ตัวอย่างเช่น
It’s a Catch 22 situation here. Nobody wants to support you until you’re successful, but without the support how can you ever be successful?
ไม่มีใครที่อยากจะสนับสนุนคุณจนกว่าคุณจะประสบความสำเร็จ แต่คุณจะประสบความสำเร็จได้ยังไง ถ้าไม่มีใครสนับสนุนคุณเลย?
เขียนโดย Phanitphan Eaimnon
source : https://friday.app/p/goal-ideas?fbclid=IwAR1worBYvlObMPLpIr_TPwRhiDkCTUccQLBlvJCRI1VOAv2yPPxqWe3WS0E