Filler word ยอดฮิต ที่ต้องรู้

3839


เพื่อนๆชาว Engnow ที่เข้ามาอ่านบทความนี้อาจจะรู้สึกสงสัยว่า เอ๊ะ! เจ้า filler words นี่มันคืออะไรกันนะ จะใช่สิ่งที่เราชอบใช้เวลาถ่ายสตอรี่ไอจีตอนหน้าสดรึเปล่า? ไม่ใช่ นั่นฟิลเตอร์! หรือจะเป็นห้างดังย่านรังสิต ไม่ใช่ นั่นฟิวเจอร์! ฮ่าๆ ไม่ว่าจะฟิวอะไร แต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้า filler words นี่กัน มันคืออะไร และมีคำไหนฮอตฮิตบ้าง ไปอ่านกันเลย…

Filler words (‘ฟีลเลอะ เวิร์ด) คือ คำ, ประโยค หรือเสียง ที่เราใช้เติมเข้าไปในบทสนทนา ซึ่งในบางครั้งคำเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีความหมาย แต่ใช้เพื่อคั่นไม่ให้บทสนทนานั้นมีช่องว่างในระหว่างที่เราคิด หรือรู้สึกลังเลใจว่าจะพูดอะไรต่อไปดี ที่เราเห็นกันบ่อยๆก็พวกคำว่า อืมมมมม เอ่อออออ นั่นเอง เรามาดูกันดีกว่าว่า คำที่ฮอตฮิตที่ฝรั่งใช้พูดกันนั้นมีอะไรบ้าง



.

1. Oh

Image result for OH WoW Funny Memes

โอ้ ” มักนำหน้าประโยค ใช้แสดงถึงความประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เช่น

  • A : Did you hear the teacher? She said we had a quiz today!
  • B : Oh … I didn’t know that.
    โอ้ ชั้นไม่รู้ ประหลาดใจแบบซวยแล้ว ฮ่าๆ



2. Ahh…

หรือ “อ่าาา” ในภาษาไทย มักใช้พูดเวลาที่เราได้ยินอะไรที่เราเข้าใจ เห็นด้วย ยินดี หรือเวลาที่เราสังเกตเห็น และกำลังลังคิดอะไรบางอย่าง เช่น

  • Ahh, I see.



3. Well

Image result for Good idea

ใช้พูดเวลาที่เรากำลังคิดคำพูดที่จะพูดต่อไปอยู่ เช่น

  • Well…I think that idea is nice.



4. Umm…

เอิ่มมม ” คำนี้คนไทยก็ใช้บ่อย สามารถแสดงได้ถึงความลังเลใจ เวลาเราพูดออกมา สื่อว่าเราอาจกำลังคิดว่า อืมมมม คำตอบมันคืออะไรน้าาาา อยู่ก็ได้ เช่น 

  • A : Which dress suits me better?
  • B : Umm … I like the yellow one!
    คิดๆ อืม ชั้นชอบเดรสสีเหลืองนะ



5. Err…

Image result for Errr, I don’t really know.

เอ่ออออ ” เมื่อพูดจะแสดงถึงว่าเรากำลังคิดคำพูดที่จะพูดออกมานั่นอยู่ แต่ถ้าใช้ในการพูดเชิงวิชาการจะทำให้เราดูไม่มั่นใจ เช่น

  • Errr, I don’t really know.



6. Hmm

Image result for Hmm

อืมมมมม ” มักใช้แสดงถึงว่าเรากำลังคิด หรือตัดสินใจบางอย่างอยู่ เช่น

  • Hmm, I like the red one but I think I’ll buy the black.



7. Like

คำนี้แอดพูดบ่อยมาก ซึ่งเวลาพูดจะแสดงถึงว่าเราไม่มั่นใจสิ่งที่ได้พูดไป หรือเวลาที่เราอยากใช้เวลานึกคำนิดนึงก็ได้ เช่น

  • My grade is like, a trash. It keeps getting lower and lower every semester like I didn’t pay much attention which wasn’t true.
    เกรดของชั้นคือแบบ…เหมือนขยะเลย มันน้อยลงทุกเทอมเหมือนแบบ…ชั้นไม่ได้ตั้งใจมากอย่างงั้นแหละ แต่มันไม่ใช่เลยนะ



8. You see

เห็นมะ ” ใช้ในเวลาที่เราพูดอะไร ที่มั่นใจว่า ผู้ฟังอาจเข้าใจผิด หรือไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน เช่น

  • You see! Finally, she came.



9. You know

คุณก็รู้ ” ใช้เวลาที่คุณพูดแล้วผู้ฟังก็เข้าใจในสิ่งที่เราได้พูดไป เช่น

  • It’s hard to do, you know?



10. Yeah

See the source image

แสดงถึงการเห็นด้วยในสิ่งที่ได้ฟัง เช่น

  • Yeah, I think so.



11. Actually

จริงๆแล้ว ” ใช้เวลาที่เราได้ยินอะไรมาแล้วคิดว่า สิ่งนั้นมันไม่ได้ถูกทั้งหมด เช่น

  • She said Iiked it, but, actually, I didn’t.



12. Basically

โดยทั่วไป มักใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประจำ จนเป็นปกติไปแล้ว เช่น

  • Basically, I run at six o’clock from my home to school.



13. Seriously

Image result for Seriously Meme Face

ใช้ได้สองความหมาย หากพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจะหมายถึง “ จริงจัง ” แต่ถ้าขึ้นเสียงสูงคล้ายการถาม จะหมายถึง จริงเหรอ? เช่น

  • Seriously, I don’t like it!
    เห้ยจริงจัง! ชั้นไม่ชอบจริงๆ



14. I mean

ชั้นหมายถึง… ” มักใช้เวลาที่เราพูด แล้วผู้ฟังดูยังไม่ค่อยเข้าใจ หรือเราพยายามจะอธิบายเพิ่มเติมว่าสิ่งที่พูดไปหมายถึงอะไร เช่น

  • I mean, yes, she’s nice.



15. Alright

Image result for Alright Emoji

หากเราใช้คำนี้ หมายความว่าเราเห็นด้วยกับสิ่งที่ได้ยิน หรืออาจรู้สึกอยากเปลี่ยนบทสนทนาไปเรื่องถัดไปแล้ว ในบางครั้งก็เป็นการถามว่าคุณโอเคใช่มั้ยก็ได้ เช่น

  • Alright, I don’t wanna hear it again.



16. You know what I mean?

เหมือนกับการถามกลับว่า “ คุณเข้าใจสิ่งที่ชั้นพูดเมื่อกี้ใช่มั้ย ” หรืออาจเป็นการให้ผู้ฟังเดาความหมายจากสิ่งที่ได้ฟังก็ได้เช่นกัน เช่น

  • I don’t want to go, you know what I mean? I don’t wanna see her.



17. Believe me

“ เชื่อน่าาาา ” ใช้เวลาที่เราอยากจะโน้มน้าวใจใครให้เขาเชื่อนั่นเอง เช่น

  • It’s great, believe me!



18. I guess

Image result for I guess

ชั้นว่า ” คาดว่าสิ่งที่พูดต้องเป็นอย่างนั้น เช่น 

  • A : How old are you?
  • B : He’s 10, I guess.



19. Right

นอกจาก ” ถูกต้อง ” คำนี้ยังสามารถใช้เพื่อแสดงถึงความเห็นด้วยได้เช่นกัน เช่น

  • Right! That’s correct.



20. Yeah

แสดงถึงการเห็นด้วยและเข้าใจในเวลาเดียวกัน เช่น

  • Yeah, I see your point.



21. Or something

พูดเวลาเราต้องการกล่าวถึงสิ่งใด แล้วเราก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจกับสิ่งนั้น เช่น

  • I heard it’s about tigers or something.
    ชั้นได้ยินมามันเกี่ยวกับพวกเสือหรืออะไรนี่แหล่ะ (ไม่มั่นใจละ)



22. I think that

Image result for I think that clip art

ชั้นคิดว่า… ” ก็สามารถช่วยเติมเต็มบทสนทนาได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยพูดประโยคนี้ก็ยังทำให้เรามีเวลาคิดอะไรหล่ะน่า เช่น

  • I think that … we shouldn’t do it again.



23. I mean

ค่อนข้างตรงตัวเลย “ ชั้นหมายความว่า ” ก็เป็นการขยายความสิ่งที่เราพูดไปเมื่อกี้นี้นั่นเอง เช่น

  • What? I mean…you never know.



24. Kind of

ใช้เวลาที่เราต้องการจะอธิบายเกี่ยวกับอะไร แต่ก็ยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่แน่นอน ถูกต้องเกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ แต่ให้อารมณ์ว่า มันค่อนข้างถูกต้อง เช่น

  • It’s kind of weird. She didn’t talk with me for the whole week.
    มันค่อนข้างแปลกเลยอ่ะ นางไม่พูดกับชั้นมาอาทิตย์นึงละ



25. Literally

สื่อว่าสิ่งที่กล่าวถึงนั้นเป็น ” ความจริง ” และยังใช้เน้นถึงความรู้สึกอันกล้าแกร่งมากๆ ที่ส่งออกไปผ่านคำพูดนั้นด้วย ในเชิง “ จริงๆนะ ” เช่น

  • I literally had no idea about the exam.



สำหรับการใช้ filler words ในภาษาพูด บางครั้งก็เหมือนกับเป็นการยืดบทสนทนาให้ไม่จบง่ายๆ เหมือนเรากำลังมีอะไรจะพูดต่อ และซื้อเวลาให้เราได้คิดว่ากำลังจะพูดอะไรออกไป แต่หากเป็นในการพูดในระดับวิชาการแล้วนั้น การใช้คำพูดเหล่านี้มักแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ ขาดการฝึกซ้อมพูด หากจะเลือกใช้ก็ควรเลือกให้ถูกต้องกับสถานการณ์ และควรเลี่ยงการใช้เมื่อเวลาไม่จำเป็น! ใครไปลองใช้ได้อย่างไรบ้าง อย่าลืมมา comment กันไว้นะ วันนี้แอดไปแล้ว สวัสดีค่า

Share
.