ที่มาของคำศัพท์แปลกๆที่คุณนึกไม่ถึง

2427


สำหรับคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เราใช้กันทุกวันนี้ มีเพื่อนๆคนไหนไหมคะ
ที่ทราบว่าที่มาของคำศัพท์พวกนี้คืออะไร?

คงไม่ใช่มาจากใครซักคนที่ฝันเห็นคำพวกนี้แล้วนำมาสร้างอย่างแน่นอน ฮ่าๆ ซึ่งที่มาของคำศัพท์ภาษาอังกฤษพวกนี้นั้นก็คล้ายกับไทยเลยค่ะ มีการยืมคำ การสร้างคำอิงจากการใช้ต่างๆ เพื่อศึกษาถึงที่มานี้ นักภาษาศาสตร์ได้มีการจัดตั้งวิชาหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้ศึกษาต้นกำเนิดและการเปลี่ยนแปลของคำศัพท์โดยเฉพาะ วิชานั้นก็คือ “Ethymology” หรือ ศัพทมูลวิทยานั่นเอง วันนี้แอดมายด์จะยกตัวอย่างคำศัพท์ 6 คำ ที่มีที่มาอย่างลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ตะเตือนไต ใจบาดเจ็บ (ฮ่าๆ เกี่ยวยังไง!) มาบอกเล่าให้เพื่อนๆชาว Engnow ได้อ่านกัน จะมีคำว่าอะไรบ้างไปดูกันเล้ยย…


.

“Avocado” 

See the source image


คำแรกคือคำเดิมที่มีแอร์ไทม์แยกเป็นของตัวเองในบทความที่แล้ว “Avocado” นั่นเอง เล่าอย่างคร่าวๆ คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากคำภาษานาวาตล์ (Nahuatl; ภาษาของชาวเเอซเท็ก) “āhuacatl” ที่มีความหมายว่า “ลูกอัณฑะของมนุษย์” แล้วแรงบันดาลใจของการสร้างคำนี้มาจากไหน? ก็มาจากการที่รูปร่าง ลักษณะของผล และ เวลาที่เจ้าอโวคาโด้นี้ห้อยอยู่บนต้นที่มันคล้ายกันมากๆกับสิ่งนั้นนั่นเองค่ะ โอ๊ หน่านิ๊!!!

แต่ภายหลัง หลังจากที่สเปนเข้ามายึดครองเเอซเท็กได้ คำนี้ก็ถูกเปลี่ยนไปเป็น “aguacate” ตามภาษาสเปน และ กลายมาเป็น “avocado” ในภาษาอังกฤษที่สุด ซึ่ง 2 คำนี้ไม่ได้มีความหมายว่าลูกอัณฑะแล้วแต่อย่างใด เพื่อนๆคนไหนอยากอ่านฉบับเต็ม ย้อนกลับไปดูได้ตามลิ้งค์

(ลิ้งค์บทความ: ” อโวคาโด้กับอัณฑะมนุษย์ ” เกี่ยวอะไรกันในภาษาอังกฤษ) นี้ได้เลยนะคะ


“Cappuccino”

See the source image

คำต่อมาคอกาแฟคนไหนไม่รู้นี่ถือว่า พลาดมาก! เพราะมันคือคำว่า “Cappuccino” หรือ คาปูชิโนที่เราคุ้นหูกันเวลาสั่งกาแฟนั่นเอง ใครจะรู้ว่าที่มาของคำศัพท์คำนี้มีความเกี่ยวข้องกับนักบวช O.O ทุกคนอ่านไม่ผิดค่ะ ใช่แล้ว เพราะ คำว่า Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากคำศัพท์ภาษาอิตาลี “cappuccio” ที่มีความหมายว่า หมวกหรือผ้าคลุมศีรษะ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยค่ะว่าของใคร ฮ่าๆ ของนักบวช นักบวช คาปูชิน (the Capuchin Monks) ประจำคริสตจักรในกรุงเวียนนาหน่ะสิ่

ในยุคสมัยก่อนนักบวชมักใส่ชุดยาวๆที่มีผ้าคลุมศีรษะนี้ และ สีของเจ้ากาแฟชนิดนี้ ก็ดันไปคล้ายกับสีผ้าคลุมศีรษะซึ่งเป็นสีน้ำตาลโอ๊คเข้มของพวกเขาเข้าหน่ะสิ่ เอ้าๆ แล้วอยู่ดีๆเจ้ากาแฟชนิดนี้ข้ามจากอิตาลีไปออสเตรียได้ไง? เพราะ กาแฟชนิดนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกในชื่อ “Kapuziner Kaffee” ในร้านกาแฟ ที่กรุงเวียนนา ในปี 1790 (หรือเรียกอีกชื่อว่า กาแฟคาปูชิน “Capuchin Coffee” ก็ได้นะ) อย่างไรก็ตามสูตรกาแฟในตอนนั้น ก็เป็นกาแฟที่มีส่วนผสมของ น้ำตาล ครีม และ ไข่แดง ค่อนข้างต่างจากในตอนนี้ตอนนี้ที่เป็น เอสเปรสโซ่ และ โฟมนม นั่นเอง


Diaster (N.)

See the source image


คำที่สามนี้ คือ คำที่เหมาะกับสถานการณ์ของทั่วทั้งโลกในตอนนี้มากที่สุด นั่นก็คือ Diaster (N.) ที่มีความหมายว่า
ภัยพิบัติ นั่นเอง อย่างในไทยที่เพิ่งเกิดไปในหลายจังหวัดก็จะเป็นน้ำท่วม ทั้งเชียงราย สมุทรปราการ ตามที่เห็นในข่าว อ่ะๆ เข้าเรื่อง แล้วคำที่เราใช้บ่อยๆคำนี้ มีใครรู้บ้างว่าที่มาของคำนี้คืออะไร? อาจจะมีการส่งต่อมาหลายทอดนิดนึงนะคะ ฮ่าๆ คำว่า Disaster เกี่ยวข้องกับคำว่า “désastre” ในภาษาฝรั่งเศสมากที่สุด ซึ่งคำนี้ก็ได้มาจากคำศัพท์ภาษาอิตาลีโบราณ (ที่มาจากภาษากรีก) “disastro” ถ้าพิจารณาถึงรากศัพท์แล้ว มาจาก prefix dis- และ aster(star) ซึ่งสามารถตีความหมายได้ว่า “ดวงดาวที่ไม่ดี” นั่นเองค่ะ

ต้องบอกเลยว่าในอดีต ชาวกรีกโบราณมีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับดวงดาวค่อนข้างมากว่า การเรียงตัวกันของดวงดาวต่างๆส่งผลต่อเหตุการณ์ หรือ หายนะที่เกิดขึ้นบนโลก ดังนั้น จึงเป็นที่มาของคำศัพท์คำนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในภาษาอังกฤษยุคปัจจุบัน คำจำกัดความของคำนี้ก็ถูกเปลี่ยนแปลงไป ว่าคำว่า disaster มันไม่ใช่หายนะที่เกิดจากฝีมือของดวงดาวแต่อย่างใด แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากน้ำมือมนุษย์เรานี่เอง


Handicap (N.)

See the source image


คำที่สี่คือคำว่า Handicap (N.) ที่เพื่อนๆหลายคนอาจรู้จักคำนี้ว่ามันใช้อธิบายถึงความทุพลภาพ แต่ในที่นี้คำนี้ไม่ใช่ความหมายนั้นแต่อย่างใด แต่จะหมายถึง แต้มต่อ หรือ การมีแต้มต่อในเกมส์การแข่งขันหรือกีฬาต่างๆ ซึ่งที่มาของตัวมันไม่ได้อยู่ไกลจากความหมายนัก

ย้อนไปในสมัย ศตวรรษที่ 17 Handicap มีต้นกำเนิดมาจากเกมส์การค้าที่ชื่อว่า “Hand-in-cap” อะไรมืออยู่ในหมวก? ใช่ค่ะ มือในหมวกจริงๆ เพราะนี่เป็นเกมส์ที่ผู้เล่นสองคนจะต้องนำสินค้าคนละชิ้นมาให้ผู้ตัดสินประเมินคุณค่า โดยเขาจะตัดสินว่า สินค้าสองชิ้นนี้มีมูลค่าเท่ากันหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่เท่า เจ้าของสินค้าที่มีมูลค่าน้อยกว่าจะต้องนำเงินมาใส่แทนมูลค่าที่ขาดหาย จากนั้นทั้งสาม จะมีการตั้งเงินริบ(คล้ายๆกองกลางที่แต่ละคนลงมา) โดยเอามันมาใส่ไว้ในหมวกพร้อมกับมือของพวกเขา โดยหลังจากนั้น หากผู้เล่นทั้งสองเปิดฝ่ามือแสดงว่าเห็นด้วยกับการประเมินและสินค้าก็จะถูกเทรดไป แต่หากไม่เห็นด้วยจะกำหมัดแน่น ถ้าหากผู้เล่นทั้งสองเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับผู้ตัดสินทั้งคู่ ผู้ตัดสินจะได้เงินริบทั้งหมดนั้นไป แต่หากคนใดคนหนึ่งเห็นด้วย แต่อีกคนไม่ คนที่เห็นด้วยก็จะได้รับเงินริบนั้นไป ฟังดูแล้วน่าสนุกจัง ปกติแอดมายด์เล่นแต่เกมส์เศรษฐี ฮ่าๆ ใครอยากเป็นเศรษฐี?=ชั้นหน่ะสิ่ ชั้นหน่ะสิ่ กล่าวมาย๊าวยาว ดังนั้น จากชื่อเกมส์ก็กลายเป็นที่มาของคำศัพท์ “handicap” ที่มีความหมายว่า แต้มต่อ นั่นเองค่ะ


“Jeans”

See the source image


คำที่ห้ารองสุดท้าย ใครสายแฟชั่น รักการแต่งตัวต้องเข้ามาอ่าน เพราะน้องคือคำว่า “Jeans (N.) หรือกางเกงยีนส์ที่เรารู้จักนั่นเอง ต้นกำเนิดของคำนี้มาแหล่งกำเนิดของวัสดุที่นำมาผลิตกางเกง ซึ่งในสมัยก่อนเป็นผ้า Strauss ที่มีถิ่นกำเนิดจาก เมือง Genoa, Italy และ เมือง Nimes, France เอ้า! ทุกคนอาจจะสงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวกันยังไง? เรื่องมันเป็นอย่างงี้ เพราะคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสของคำว่า Genoa คือ “Gênes” ดังนั้น การเรียกชื่อกางเกงนี้ว่า Jeans จึงมาจากชื่อเมืองที่กล่าวถึงนั่นเองค่า

ขอแถมอีกหนึ่งคำที่คล้ายกัน นั่นก็คือ Denim ซึ่งเป็นผ้าที่มีความหนาและหยาบกว่ายีนส์ พอเดากันได้มั้ยคะว่ามีที่มาจากอะไร? ฮั่นแหน่ะ รู้นะว่าเดาถูก ถูกต้องเลยค่ะ มาจากคำภาษาฝรั่งเศษ “de Nimes”ที่หมายความว่า “from Nimes” นั่นเองค่ะ


“salary” (N.)

See the source image


สุดท้าย คำที่หก คำนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย แต่ทำไม๊ทำไม ในความเป็นจริง พอเราได้น้องมา น้องก็มาอยู่ในบัญชีให้เราชื่นชมได้แปปเดียว อีกไม่นานก็หมดไป T^T น้องคือคำว่า “salary(N.) ที่เป็นผักอ่ะค่ะ ยาวๆ เขียวๆ เอ้ย!ไม่ใช่ นั่นมัน celery แต่คำนี้ “salary” มันแปลว่า เงินเดือน ต่างหาก คำนี้มีที่มาจากภาษาละติน “salarium” ที่มีความหมายว่า salt money หื้ม! เงินเกลือเค็ม แล้วเงินเดือนมันเกี่ยวอะไรกับเงินเกลือเค็มกันนะ

ต้องย้อนกลับไปในสมัยโบราณ ที่เกลือนั้นมีคุณค่ามาก จนสามารถเปรียบเทียบได้ว่าเป็น “White Gold” หรือทองคำที่มีขาวเลยล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในด้านการแพทย์ การนำเกลือไปช่วยยืดอายุของอาหาร อย่างเช่นในจักรวรรดิอียิปต์ ผู้ที่ทำงานกรรมกรจะได้รับค่าจ้างเป็นเกลือเพื่อนำไปใช้ยืดอายุอาหารของตนเก็บไว้ ไปจนถึงในกรีซและโรมที่มีการนำเกลือมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกันในจักรวรรดิโรมัน ก็มีการใช้เกลือในการจ่ายแทนเงินนี้อยู่ ท้ายที่สุด จึงได้เกิดเป็นคำว่า salary ขึ้น เพื่อใช้หมายถึง เงินที่ถูกนำไปจ่ายให้กับผู้ทำงานในทุกๆสิ้นเดือน หรือ เงินเดือน ที่เรามองไม่เห็น ก็ใช่จะเเปลว่าเรามีนั่นเองค่าาา T^T


ก็จบกันไปแล้วนะคะกับต้นกำเนิดของคำต่างๆ ไหน มีใครทราบต้นกำเนิดของคำไหนอีกอย่าลืมเอามาแชร์ให้กันฟังบ้างนะคะ วันนี้แอดมายด์ไปแล้ว แล้วมาพบกันใหม่ บ๊ายบายค่า

ที่มา: https://www.babbel.com/en/magazine/an-introduction-to-etymology-eight-great-word-origins

Share
.