สำหรับการสร้าง resume นั้น อาจจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆคน
โดยเฉพาะถ้าต้องทำเป็น Resume เป็นภาษาอังกฤษ
จริงๆแล้ว resume นั้น เราจะใช้มันตอนที่เราจะต้องไปเรียนต่อ สอบเข้ามหาลัย หรือจนกระทั่งสมัครงาน
ถือเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่อาจจะเป็นหนึ่งในตัวตัดสินสำหรับ HR หรือคนที่สัมภาษณ์เรา
เพราะฉะนั้นแล้ว Resume ค่อนข้างสำคัญ โดยเฉพาะสิ่งที่เราจะใส่ไปข้างใน และอย่าลืมว่าการที่เราใส่ข้อมูลของเราลงไปนั้นควรเป็นข้อมูลจริง ไม่ควรใส่อะไรที่ไม่เป็นจริงลงไป เพราะถ้าเกิดเราได้สัมภาษณ์งาน กรรมการหรือ hr อาจจะถามถึงเรื่องที่เราใส่ลงไปใน resume เขาดูออกว่าเราโกหกหรือไม่จากการพูดของเรา ดังนั้นควรใส่ข้อเท็จจริงไปทั้งหมด
มาดู Step กันดีกว่าว่าควรเริ่มจากไหนดี
วิธีการทํา resume นั้นมีหลายแบบ แต่เราจะใช้วิธีที่ง่ายและค่อนข้างเป็นสากล ซึ่งมีดังนี้
1. สร้างอีเมลที่เป็นทางการขึ้นมา
หลายๆคนอาจจะมีอีเมลอยู่แล้วเป็นของตัวเอง แต่อีเมลที่เรานำไปสมัครงานหรือนำไปสัมภาษณ์เพื่อเรียนต่อควรเป็นอีเมลที่เป็นทางการ ไม่มีคำหยาบ หรือไม่มีคำที่ไม่เหมาะสม อย่างเช่น Iamsexygirl.gmail.com อย่างนี้เป็นต้น ควรเป็นอะไรที่เป็นทางการไปเลย อย่างเช่น Duangkamol_Engnow@gmail.com เป็นต้น และขอแนะนำว่าให้ใช้ gmail ดีกว่า
2. สิ่งแรกที่เราจะเขียนลงไปในกระดาษนั่นก็คือชื่อนั่นเอง
ชื่อเเละนามสกุลจริงของเรา และอย่าลืมใส่คำนำหน้าชื่อที่ถูกต้องไปด้วย ถ้าเป็นผู้ชายให้ใช้ Mr. ย่อมาจาก Mister ในภาษาไทยก็คือ “นาย” นั่นเอง ส่วนผู้หญิงก็จะมี 2 แบบ นั่นก็คือแบบ Mrs. เป็นคำนำหน้าที่ใช้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เช่น Mrs. DuangKamและแบบ Miss เป็นคำนำหน้าที่ใช้สำหรับผู้หญิงที่ยังเด็กอยู่หรือยังไม่ได้แต่งงาน หรือในภาษาไทยคือ นางสาวนั่นเอง เช่น Miss Duangkamol เป็นต้น
เพราะฉะนั้นก็จะได้ Miss Duangkamol Srisuk นั่นเอง และอย่าลืมว่าชื่อของเรานั้น จะต้องเป็นตัวใหญ่เสมอ เพื่อที่ให้ resume ของเราดูเด่น ฟ้อนต์จะใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ
3. สิ่งต่อมาคือที่อยู่ของเรา ควรเป็นที่อยู่จริงที่ทางบริษัทหรือทางโรงเรียนที่เราไป สมัครงานเรียนต่อนั้นติดต่อเราได้
แต่สิ่งที่มันยากกว่านั้นคือการที่เราต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แปลภาษาอังกฤษอาจจะไม่ได้มี หมู่หรือตำบล ทีนี้เรามาดูกันว่าที่อยู่ในไทยเราสามารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้แบบไหนบ้าง
- บ้านเลขที่ : Number/ House No.
- หมู่ที่ : Village No.
- ตรอก : Alley
- ซอย : Lane
- ถนน : Road
- ตำบล / แขวง : Sub-districtn/ Sub-area
- อำเภอ / เขต : District / Area
- จังหวัด : Province
- รหัสไปรษณีย์ : Postal Code
แต่บางทีเราสามารถเขียนทับศัพท์ไปได้เลยเช่น
- หมู่ : Moo
- ซอย : Soi
- ตำบล : Tambon
ส่วนชื่อตำบลชื่อจังหวัดนั้น จะมีการเขียนเป็นชื่อเฉพาะ เราแนะนำให้ค้นหาใน Google ดู
ตัวอย่างการเขียนที่อยู่ก็อย่างเช่น
- 12/2 Village No.1 Kampangpetch Road, Silom Sub-district, Muang District, Bangkok, 102201
4. ต่อมาคืออีเมล์นั่นเอง อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า อีเมล์คือสิ่งสำคัญ
ควรใช้ e-mail ที่เป็นทางการ
ดังนั้นก็จะได้ตัวอย่างดังเช่นข้างล่างนี้
ส่วนการออกแบบนั้นไม่ตายตัว แต่ไม่ควรฉูดฉาดจนเกินไปเพราะอย่าลืมว่าควรเป็นแบบทางการ
5. อันต่อมาคือ objective ในการสมัครงาน หรือสมัครเรียนต่อ
มันคือจุดประสงค์ที่เรายื่น resume ชิ้นนี้นั่นเอง ตัวอย่างก็อย่างเช่น
- Seeking internship opportunity in management training and/or finance with a global corporation. หรือแปลได้ว่า ฉันกำลังมองหาโอกาสในการฝึกงานในการฝึกอบรมด้านการจัดการหรือการเงินกับบริษัทระดับโลก
ฉะนั้นแล้วเราต้องรู้ว่าเรากำลังเขียน Resume ฉบับนี้ไปเพื่อสมัครงาน งานตำแหน่งอะไรก็ควรระบุอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราไม่สามารถใช้ resume ไปสมัครงานกับหลายๆบริษัทได้ในฉบับเดียวกัน แบบนี้ จะทำให้เราดูเหมือนกับว่าเราใส่ใจในรายละเอียด อาจจะทำให้ HR ตัดสินใจง่ายมากขึ้นสำหรับการรับสมัครงาน
6.และอันต่อมาก็คือ Education นั่นเอง
สิ่งนี้ค่อนข้างสำคัญ เราควรใส่สถานที่ศึกษาที่เราจบมาจริงๆ และควรเกริ่นด้วยว่าตอนมัธยมเราเรียนโรงเรียนอะไร อาจจะไม่ต้องลงลึกไปถึงช่วงชั้นอนุบาล เอาแค่มัธยมและมหาลัยก็เพียงพอ แต่ถ้าเกิดมีโอกาสได้ไปแลกเปลี่ยนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ ต้องควรใส่โรงเรียนที่เราไปแลกเปลี่ยนไว้ด้วย หลังจากชื่อสถานศึกษานั้นควรระบุปีที่เราจบการศึกษา ส่วนช่วงชั้นมหาลัยควรระบุว่าเป็นปริญญาอะไร ตัวอย่างเช่น
ส่วนเกรดนั้นจะใส่ก็ได้หรือไม่ใส่ก็ได้ ถ้าใส่ก็อาจจะทำให้ HR ตัดสินใจง่ายมากขึ้น
7. สำคัญอีกอันนึงก็คือ Experience
ส่วนนี้คือส่วนที่เราไว้บอกประสบการณ์ทำงานของเรา เราควรบอกด้วยว่าเราเริ่มงานปีไหนและทำถึงปีไหน พร้อมกับบอกตำแหน่ง สถานที่และหน้าที่ความรับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น
- May 2018 – May 2019 Freelance Translator, Bangkok
Translating Documents from Thai into English and English into Thai
8. Skill
สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือความสามารถนั่นเอง ความสามารถควรเป็นความสามารถจริงๆไม่ควรใส่อะไรที่เราไม่ได้ทำได้จริง และควรระมัดระวังเรื่องการเขียน สามารถเกี่ยวกับ Microsoft Office เพราะโปรแกรมนี้มีหลายตระกูลมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word, Microsoft Powerpoint, Microsoft Excel และ Microsoft Publisher ฉะนั้นแล้วควรมั่นใจจริงๆ ทำได้จริงไม่ใช่เขียนไปแล้วทำไม่เป็น Skills ตัวอย่างการเขียนก็อย่างเช่น
- Languages : English: Intermediate
- Computer Literacy : Microsoft Office, Photoshop, Adobe Premiere, Filmora 9,, Editing Video Content
9. References สิ่งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายและสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ Reference
จะเป็นตัวยืนยันที่ช่วยยืนยันว่าเราเคยทำงานหรือเรียนที่ๆเราได้เขียนไปจริง อย่างเช่น
References
- Prof. Happy Happy Prof. Malasri Deesuk
- Faculty of Liberal Arts and Sciences Faculty of Liberal Arts and Sciences
- Kasetsart University Kasetsart University
- Nakhon Pathom Nakhon Pathom
- Email: happy@yahoo.com Email: malasri@gmail.com