Simple Conjunction คำสันธานง่ายๆพร้อมการออกเสียง

2166


Conjunction ในภาษาไทยเราจะเรียกว่าคำสันธาน ซึ่งตัวมันเองทำหน้าที่เป็นคำเชื่อม โดยไม่ว่าจะเป็นเชื่อมประโยคหรือวลีก็ตาม เวลาที่เราต้องการเรียงร้อยประโยคให้เข้ารูปเข้าร่างและดูรู้เรื่อง เราจึงจำเป็นต้องพึ่งคำเชื่อมเพื่อให้มันเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ และได้ใจความ ที่นี้มาดูกันดีกว่าว่า Conjunction  มีประเภทอะไรบ้าง แล้วแต่ละคำนั้นออกเสียงเป็นยังไง 


Conjunction มีทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน

.

1. Coordinating Conjunction

มันคือคำสันธานหรือคำเชื่อมที่เอาไว้ใช้เชื่อมวลีหรือประโยค โดยที่ทั้ง 2 วลีและ 2 ประโยคนั้นจะต้องมีน้ำหนักความสำคัญที่เท่ากัน โดยจะมีทั้งหมด 8 ตัวด้วยกัน นั่นก็คือ  and, yet, but, for, so, nor, neither, or

  • and(แอนด์) แปลว่า และ 
    เช่น  I need you and you need me too.
    (ฉันต้องการเธอและเธอก็ต้องการฉัน)

  • yet(เยทท์) และ but(บัทท์) ช่วยทั้ง 2 ตัวนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเอาไว้เชื่อมประโยคหรือวลีที่มีความขัดแย้งกัน
    โดยตัวมันเองนั้นมีความหมายว่า แต่
    เช่น  I try to turn on the light but I can’t find a switch.
    (ฉันพยายามที่จะเปิดไฟ แต่ฉันหาสวิตช์ไม่เจอ)

  • for(ฟอร์) มีความหมายว่า เพื่อ เพราะ ซึ่งจะเอาไว้ใช้เชื่อมวลีหรือประโยคที่มันค่อนข้างเป็นเหตุเป็นผลกัน
    เช่น  Can you open the door for me please.
    (คุณช่วยกรุณาเปิดประตูให้(เพื่อ)ฉันหน่อยได้ไหม)

  • so(โซ) คำนี้มีความหมายว่า ดังนั้น และมีการใช้งานคล้ายๆกับคำข้างต้น นั่นก็คือเอาไว้ใช้เชื่อมกับประโยคหรือวลี
    ที่เป็นเหตุเป็นผลกัน
    เช่น  My mom cannot pick up my sister so I have to do it. 
    (แม่ของฉันไม่สามารถไปรับน้องสาวของฉันได้ ดังนั้นฉันจึงต้องไปรับเอง)

  • nor(นอร์) และ neither(นีเทซ์รอะ) 2 คำนี้จะเอาไว้ใช้เชื่อมประโยคหรือวลีที่เป็นรูปหรืออยู่ในเชิงปฏิเสธทั้ง
    2 ประโยคหรือ 2 วลี ซึ่งความหมายคือ  ไม่ทั้ง …. สองอย่าง 
    เช่น  She nor I had the cookies.
    (ทั้งหล่อนและฉันไม่ได้กินคุ๊กกี้นะ)
  • or(ออร์)คำนี้แปลว่า หรือ ซึ่งเอาไว้ใช้เชื่อมประโยคหรือวลีที่มันมีตัวเลือก 
    เช่น Do you want a black one or the white one?
    (คุณอยากได้อันสีดำหรือว่าอันสีขาว)


2. Subordinating Conjunction

  • after (แอฟเทอะ) มีความหมายว่า ภายหลัง หรือหลังจาก 
    เช่น  Let’s go for a walk after breakfast.
    ไปเดินกันเถอะหลังจากเรากินข้าวเช้าเสร็จ

  • because (บิเคิร์ส) มีความหมายว่า เพราะว่า สาเหตุที่ว่า
    เช่น We can’t go to Julia’s party because we’re going away that weekend.
    พวกเราไม่สามารถไปงานปาร์ตี้ของจูเลียได้ เพราะว่า พวกเรากำลังจะไปเที่ยวในช่วงหยุดสุดสัปดาห์นี้ 

  • if (อิฟ) มีความหมายว่า ถ้าหาก ถ้า 
    เช่น I’ll pay you double if you get the work finished by Friday.
    ฉันจะจ่ายคุณเป็น 2 เท่าเลยถ้าคุณสามารถเสร็จงานภายในวันศุกร์นี้ได้ 

  • although (ออลโทรว) มีความหมายว่า ถึงแม้ว่า
    เช่น She walked home by herself, although she knew that it was dangerous.
    หล่อนเดินเท้ากลับบ้านถึงแม้ว่าหล่อนรู้ว่ามันจะอันตราย

  • before (บิฟอร์) มีความหมายว่า ก่อน 
    เช่น You should always wash your hands before meals.
    คุณควรที่จะล้างมือก่อนที่รับประทานอาหารเสมอ

  • since (ซิน) มีความหมายว่า ตั้งแต่
    เช่น Emma went to work in New York a year ago, and we haven’t seen her since.
    เอ็มม่าได้ไปทำงานที่นิวยอร์กตั้งแต่ปีที่แล้ว และพวกเราก็ไม่ได้เห็นเธออีกเลยตั้งแต่นั้น

  • that (แด่ท) มีความหมายว่า นั่น 
    เช่น She said (that) she’d pick it up for me after work.
    หล่อนบอกว่าหล่อนได้หยิบเอาไปด้วยหลังจากที่หล่อนเลิกงานแล้ว

  • unless (อันเลส) มีความหมายว่า เว้นแต่ 
    เช่น You can’t get a job unless you have experience.
    คุณไม่สามารถทำงานนี้ได้ เว้นแต่ว่า คุณมีประสบการณ์

  • until (อันทิล) มีความหมายว่า จนกระทั่ง 
    เช่น Shouldn’t we wait until Antony’s here?
    เราไม่ควรรอ จนกว่าแอนโทนี่จะมาหรอกหรอ

  • when (เวน) มีความหมายว่า เมื่อ เมื่อไหร่ 
    เช่น “I did tell you about it.” “When? I don’t remember.”
    ฉันบอกคุณเกี่ยวกับมันแล้วใช่ไหม  ตอนไหน(เมื่อไหร่)น่ะหรอ ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน 

  • as soon as (แอสซูนแอส) มีความหมายว่า ทันทีทันใดนั้น
    เช่น We’ll come as soon as we can.
    พวกเราจะมาทันทีที่เราสามารถทำได้


3. Conjunction

  • not only…..but also (นอท โอนลี่ … บัท ออลโซ) มีความหมายว่า ไม่เท่านั้น …. และยังอีกด้วย
    เช่น  This investigation is not only one that is continuing and worldwide but also
    one that we expect to continue for quite some time.
    การตรวจสอบนี้ไม่ได้เป็นเพียงการดำเนินการที่ต่อเนื่องและทั่วโลก แต่ยังเป็นสิ่งที่เราคาดว่าจะดำเนินการ
    ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

  • either…..or (อายเทอระ….ออร์) มีความหมายว่า ไม่ …. หรือ 
    เช่น It’s either black or grey. I can’t remember.
    มันมีสีไม่ดำก็เทา ฉันจำไม่ได้ 

  • as…..as (แอส ….. แอส) มีความหมายว่า เท่าที่ 
    เช่น The world’s biggest bull is as big as a small elephant.
    กระทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นใหญ่เท่ากับช้างตัวเล็ก

  • both … and (โบ๊ท …. แอนด์) มีความหมายว่า ทั้ง …. และ 
    เช่น Both the movie and the play were good.
    ทั้งหนังและการแสดงดีทั้งคู่เลย


และความจริงนั้น Conjunction ยังมีมากกว่านี้  ซึ่งมันมีเยอะมากๆหลายตัว ดังนั้นอยากให้ได้กลับไปทบทวนกัน โดยเนื้อหานี้นั้นจะเป็นคำ Conjunction ที่เจอบ่อย และใช้บ่อย ยังไงก็ลองนำกลับไปปรับใช้ดูนะคะ 

Share
.