น้ำเสียงหรือโทนเสียงเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่เราพูดสิ่งต่างๆ เสียงของเราสามารถขึ้นๆลงๆได้ในระหว่างการพูด ขึ้นอยู่กับความหมายที่เราต้องการสื่อถึงผู้ฟัง ดังนั้นเราสามารถแบ่งเสียงสูงต่ำออกเป็นสองรูปแบบ: การขึ้นและลงของเสียงสูงต่ำ
Rising intonation คือเมื่อเราพูดเสียงสูงและน้ำเสียงของเราดังขึ้นที่ส่วนท้ายของคำหรือประโยค
ในขณะที่ falling intonation คือเวลาที่เสียงเราต่ำลง
มาศึกษาตัวอย่างประโยคกันดีกว่าว่าเสียงสูงต่ำประเภทมีประเภทไหนบ้าง
- Do you wanna go to the gym?
- How was the gym?
ลองดูนะว่าคุณสามารถจับความแตกต่างในตอนท้ายของประโยคได้หรือไหม เวลาคุณพูดประโยคแรก น้ำเสียงจะสูงขึ้นที่ส่วนท้ายของคำถาม อย่างไรก็ตามเมื่อคุณอ่านประโยคที่สอง เสียงท้ายก็ต่ำเเละลดลง คุณพอเดาได้ไหมว่าทำไม
นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเราถามคำถาม YES/NO questions (คำถามที่คุณสามารถตอบด้วยคำว่า yes และ no) เป็นภาษาอังกฤษ น้ำเสียงของคุณควรขึ้นที่ส่วนท้ายของคำถาม แต่เมื่อคุณถามคำถามปลายเปิด (คำถามที่มีคำตอบยาวกว่าแทนที่จะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่อาจจะต้องอธิบาย อย่างเช่นคำถามที่ว่า Why don’t you like me? ทำไมคุณถึงไม่ชอบฉัน) น้ำเสียงของคุณจะลดลงในตอนท้ายทันที
ดีมากเลย ที่นี้เราลองมาฝึกพูดกันว่าคุณจะสามารถจับจุดได้ไหมกับการใช้เสียงสูงเสียงต่ำในช่วงท้ายของประโยค
- Do you wanna go out for dinner? (เสียงสูง)
- Where do you wanna go for dinner? (เสียงต่ำ)
เอาล่ะ คุณพอจะจับจุดได้ไหมกับการออกเสียงสูงเสียงต่ำในท้ายประโยค ลองพูดออกมาดังๆนะ ถ้าพูดออกมาดังๆจะสามารถทำให้เรานั้นคุ้นชินกับมันได้ ลองดูนะ
- Are you busy this weekend? (เสียงสูง)
- Is it cold outside? (เสียงสูง)
- What are you up to this weekend? (เสียงต่ำ)
- How cold is it outside? (เสียงต่ำ)
สำหรับประโยคนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วเพราะมันเป็นคำถามปลายเปิด ดังนั้นท้ายประโยคจะออกเสียงต่ำทั้งหมด