เอาจริงๆแล้วเนี่ย ในภาษาไทยเรามีรูปแบบของกลอนหรือกาพย์ มากมายหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละแบบจะมีความไพเราะที่ต่างกันไป ที่นี่ในภาษาอังกฤษเราก็มีกลอนหรือ poem เหมือนกัน แต่มันจะมีความซับซ้อนมากๆ ไม่อยากเทียบกับกลอนในแบบไทยเพราะมันจะคนละแบบเลย
.
.
ทีนี้ เรามาดูดีกว่าว่ามีประเภทไหนกันบ้าง
1.Blank verse
เป็นกวีนิพนธ์ที่ต้องเขียนขึ้นด้วยมาตรฐานที่มี ซึ่งปกติแล้วเขาจะมีมาตรฐานในการเขียน หลายๆครั้งมันจะเป็นในรูปแบบของ iambic pentameter ซึ่งมันจะไม่คล้องจองกัน
2. Rhymed poetry
ส่วนแบบไรม์นั้น ตรงกันข้ามกับอันบนมากๆอันนี้จะมีความคล้องจองกันอย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป
3. Free verse: Free verse poetry
เป็นกวีนิพนธ์ที่ไม่มีรูปแบบสัมผัสที่สอดคล้องกัน มีรูปแบบเมตริก และรูปแบบดนตรีอย่างชัดเจน
4. Epics: Epic poem
เป็นงานเล่าเรื่องยาวของกวีนิพนธ์ บทกวียาวเหล่านี้มักจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสำเร็จและการผจญภัยของตัวละครจากอดีตอันที่นานมาเเล้ว
5. A narrative poem
จะเล่าเรื่อง “The Midnight Ride of Paul Revere” ของ Henry Wadsworth Longfellow และ “The Rime of the Ancient Mariner” ของ Samuel Taylor Coleridge
6. Haiku
ไฮกุเป็นรูปแบบกวีสามบรรทัดที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น บรรทัดแรกมีห้าพยางค์ บรรทัดที่สองมีเจ็ดพยางค์ และบรรทัดที่สามมีห้าพยางค์อีกครั้ง
7. Pastoral poetry: Pastoral poem
เป็นบทกวีที่เกี่ยวข้องกับโลกธรรมชาติ ชีวิตในชนบท และภูมิทัศน์ บทกวีเหล่านี้สืบเนื่องมาจากกรีกโบราณ (ในบทกวีของ Hesiod) ไปจนถึงกรุงโรมโบราณ (Virgil) จนถึงปัจจุบัน (Gary Snyder)
8. Sonnet
เป็นบทกวี 14 บรรทัด โดยทั่วไป ซึ่งจะเกี่ยวกับหัวข้อของความรัก Sonnets มีบทกวีภายใน 14 บรรทัด มีรูปแบบสัมผัสที่แน่นอนขึ้นอยู่กับรูปแบบของโคลง
9. Elegies
เป็นบทกวีที่สะท้อนถึงความตายหรือการสูญเสีย ตามเนื้อผ้า มันมีรูปแบบของการไว้ทุกข์ การสูญเสีย และการไตร่ตรอง
10. Ode
เช่นเดียวกับ elegy บทกวีเป็นตัวสรรเสริญให้กับหัวเรื่อง แม้ว่าหัวข้อนั้นไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับกับความตาย