Infinitive กับความหมาย หลักการใช้งาน และความต่าง

4643

Infinitive Verb สามารถแบ่งได้ทั้งหมดเป็น 2 ประเภทนั่นก็คือ 

  1. To infinitive หรือบางที่จะเรียกว่า infinitive with to ซึ่งมันจะมีคำกริยาช่องที่ 1 ที่มี to นำหน้า
    อย่างเช่น to eat, to work, to walk

หน้าที่ของ infinitive with to มีดังนี้ 

.
  1. สามารถเป็นประธานของประโยคได้ตัวอย่างเช่น

    – To tell the truth is always right.
    – การพูดความจริงนั้นเป็นเรื่องถูกต้องเสมอ

    จะสามารถเห็นได้ว่า infinitive with to ของประโยคนี้คือ  To tell ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
    .
    .
  2. มันสามารถเป็นส่วนเติมเต็มของประโยคก็ได้ตัวอย่างเช่น

    – It is so nice to meet you.
    – มันดีมากเลยนะที่ได้พบคุณ 

    จะสามารถเห็นได้ว่า infinitive with to ของประโยคนี้คือ to meet ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มของประโยค 
    .
    .
  3. คำกริยาบางตัวจะต้องอยู่ในโครงสร้าง verb + to + infinitive เท่านั้นได้แก่ 

    Promise / Deserve / Learn 
    Hope / Decide / Aim 
    Begin / Forget / Fail 
    Refuse / Manage / Offer 
    Plan / Arrange / Agree
    .
  4. คำกริยาบางตัวจะต้องอยู่ในโครงสร้าง verb + object + To infinitive ซึ่งได้แก่ 

    Advise / Ask / Cause
    Get / Hire / Expect 
    Forbid / Instruct / Permit
    Require / Want / Tell
    .
    .

แต่ในขณะเดียวกันคำกริยาบางตัวนั้นก็สามารถตามด้วย Gerund ได้เหมือนกันนะ หรือจะเป็น To infinitive ก็ได้แต่ความหมายจะไม่เหมือนกันเลยจะทำให้ความหมายของรูปประโยคเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น 

  • Forget + Gerund จะมีความหมายได้ว่าลืมว่าเคยทำ ตัวอย่างเช่น

    She forgot reading this book when she was a kid.
    หล่อนลืมว่าหล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ตอนที่ยังเป็นเด็ก 
  • Forget + To Infinitive จะแปลว่าลืมทำอะไรบางอย่างตัวอย่างเช่น

    She forgot to buy food for me.
    หล่อนลืมซื้ออาหารให้ฉัน 

.
.
.

2. อันต่อมาที่กำลังจะกล่าวถึงนั่นคือประเภทที่ 2 ของ infinitive นั่นก็คือ Infinitive without to 

Infinitive  without to จะไม่มี to นำหน้าคำกริยานั่นเอง ก็สามารถตอบคำกริยาได้เลยตัวอย่างเช่น  eat, walk, speak,meet โดยหลักๆแล้วจะมีประมาณ 3 หน้าที่ 

  1. ทำหน้าที่เป็นคำกริยาหลักถ้าใช้คู่กับ Modal Verb  ตัวอย่างเช่น 
  • Will, would ที่มีความหมายที่แปลว่า “จะ” เวลานำมาใช้ในประโยคอย่างเช่น
     
    She will go to school tomorrow.
    หล่อนไปโรงเรียนวันพรุ่งนี้
  • Can, could ที่มีความหมายว่าสามารถหรือทำได้ และเวลานำมาใช้ในประโยคมีตัวอย่างเช่น 

    I can play a game tonight with you.
    ฉันสามารถเล่นเกมคืนนี้กับคุณได้ 

.
.

2. จะต้องใช้คู่กับ Causative Verb อย่างคำว่า Make และ Have เพื่อให้สามารถสร้างประโยค Causative ซึ่งมันก็คือรูปประโยคที่เอาไว้แสดงให้เห็นถึงประธานที่ให้คนอื่นกระทำแทนตัวอย่างเช่น 

  • She made him do the housework.
    หล่อนบังคับให้เขาทำงานบ้านให้ 

.
.

3. และหน้าที่สุดท้ายนั่นก็คือการใช้คู่กับคำกริยาที่เกี่ยวกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 นั่นก็คือการได้ยิน การลิ้มรสหรือแม้กระทั่งการฟัง การดู ก็จะเป็นคำจำพวก hear, sense, see, smell , watch, listen เพื่อแสดงถึงการกระทำของรูปกรรมในประโยค ตัวอย่างเช่น 

  •  I watch my mom do housework.
    ฉันมองดูแม่ทำงานบ้าน 
Share
.