ในจุดหนึ่งของชีวิต เราก็ต้องมีข่าวร้ายที่ต้องบอกใครบางคน แม้ว่าข่าวร้ายหรือสถานการณ์แย่ ๆ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากได้ยินหรืออยากบอกกัน แต่ในบางสถานการณ์เราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดออกไป แต่จะพูดอย่างไรดีให้เราดูเป็นผู้พูดที่ดีและถนอมน้ำใจคนอื่น เราจึงนำวิธีบอกข่าวร้ายแบบซอฟท์ ๆ ในภาษาอังกฤษมาให้ได้อ่านกัน
.
.
.
เริ่มจากการเกริ่น !
เริ่มแรกเราอาจจะต้องพูดเกริ่นก่อนเพื่อให้ผู้ฟังได้รู้และเตรียมใจว่าเราจะพูดถึงเรื่องอะไร การที่เราใช้ประโยคเกริ่นก่อนก็ทำให้ผู้ฟังพร้อมกับสิ่งที่เราจะพูด โดยเราสามารถใช้ประโยคดังนี้
- “I’m afraid I’ve got some bad news…”
(ฉันเกรงว่าฉันมีข่าวร้ายจะบอก)
- “We regret to inform you that..”
(เราเสียใจที่จะบอกคุณว่า….)
- “I’m really sorry to have to say this but..”
(ฉันรู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่จะต้องพูดเรื่องนี้แต่…)
.
.
.
รายละเอียดก็สำคัญนะ !
การบอกรายละเอียดเบื้องหลังหรือบอกเหตุผลที่สำคัญกับผู้ฟังจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องที่จะฟังได้มากขึ้น ผู้พูดควรจะบอกความจริงทั้งหมดกับผู้ฟังเพราะผู้ฟังสมควรที่จะรู้และทำให้ผู้ฟังเข้าใตในสถานการณ์ เราสามารถใช้ประโยคเหล่านี้ได้เลย เช่น
- “Unfortunately, there are some problems with…”
(น่าเสียดายจัง มันมีปัญหานิดหน่อยกับ…)
- “Due to…”
(เนื่องจาก…)
- “Because of…”
(เพราะ…)
.
.
.
ความเห็นอกเห็นใจต้องมี !
การใช้คำพูดที่ปลอบประโลมเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะเป็นการช่วยบรรเทาความเจ็บปวด แม้ว่าทุกคนอาจจะไม่ได้แสดงออกเหมือนกันต่อข่าวร้าย แต่การพูดดี ๆ ใส่กันก็ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เราจะพูดดังนี้
- “I can see that you’re really upset and angry…”
(ฉันเข้าใจดีว่าเธออารมณ์เสียและโมโหมาก…)
- “I can see why you might think that…”
(ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น…)
- “I can see why you might feel that way.”
(ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนั้น)
.
.
.
ขอโทษอย่างจริงใจ !
แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เราจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่ในฐานะผู้ส่งสารควรห่วงใยและแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น การยอมรับความผิดพลาดและขอโทษอย่างจริงใจช่วยให้ผู้อื่นก้าวต่อไปได้ พวกเขาจะไม่จมกับความรู้สึกแย่ ๆ โดยเราสามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้
- “Please accept my apologies for any inconvenience this has caused.”
(โปรดขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น)
- “Sorry, I couldn’t be (of) more help.”
(ขอโทษด้วย ที่ฉันไม่สามารถช่วยได้มากกว่านี้)
- “We sincerely apologize for the outcome.”
(เราขออภัยอย่างจริงใจสำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น)
.
.
.
จุดไฟให้ความหวัง !
เมื่อเราได้บอกข่าวร้ายไปแล้วเราจะคิดว่าหน้าที่ของเราอาจจะจบแล้ว แต่เรายังสามารถทำสิ่งอื่นที่ดีกว่านั้นได้ไม่ว่าจะเป็นการเสนอวิธีแก้ปัญหา ให้กำลังใจ หรือแบ่งปันความรู้สึกในแง่บวกที่ทำให้ผู้ฟังมีความหวัง วิธีนี้จะช่วยให้อีกฝ่ายตระหนักว่าสถานการณ์ของเขายังไม่สิ้นสุดและยังมีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้ เราสามารถพูดได้ดังนี้
- “Would you consider an alternative solution like…?”
(เธอจะพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น…หรือไม่)
- “Although the result may not be what we expected, it may be better on our next try.”
(แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่มันอาจจะดีกว่าในการลองครั้งต่อไป)
- “The good thing about this is that we can still…”
(สิ่งที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือว่าเรายังคงสามารถ…)
.
.
.
ปิดท้ายด้วยความอ่อนโยน !
เมื่อเราจะจบการสนทนาเกี่ยวกับข่าวร้ายแล้ว เราไม่ควรจบลงแบบกะทันหันเพราะจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกเคว้งคว้าง เราจะพูดปิดท้ายด้วยประโยคที่มีความหวังและเป็นบวก เช่น
- “Thank you in advance for your understanding.”
(ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความเข้าใจของคุณ)
- “I hope everything will get better soon.”
(ฉันหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็ว ๆ นี้)