ต้องการทราบวิธีการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณอย่างมีประสิทธิภาพใช่หรือไม่?
ในบทความนี้ ผมจะมาบอกวิธีการ (ทีละขั้นตอน)
มาเริ่มกันเลย:
- ขั้นตอนที่ 1: เลือกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อปรับปรุง
- ขั้นตอนที่ 2: เลือกกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำ
- ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มกิจกรรมลงในกิจวัตรประจำวันของคุณ
- ขั้นตอนที่ 4: รับประกันความสำเร็จของคุณด้วยการพัฒนาตนเอง
ขั้นตอนที่ # 1: เลือกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อปรับปรุง
มีทักษะการสื่อสารอยู่สี่ด้านในภาษาอังกฤษ (รวมถึงภาษาอื่น ๆ ):
- การฟัง
- การพูดการ
- การอ่าน
- การเขียน
เพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เลือกอย่างน้อยหนึ่งในสี่ทักษะด้านบน
เลือกทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณตอนนี้ (หรือทักษะที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของคุณ)
โดยปกติแล้ว ผู้คนจะมีปัญหาด้านการฟังและการพูดมากที่สุด ดังนั้น หากคุณไม่ทราบว่าทักษะใดที่ต้องพัฒนา ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยทักษะทั้งสองด้านนี้ (แต่ถ้าคุณต้องการที่จะปรับปรุงทักษะการอ่านหรือการเขียน ก็ย่อมได้)
.
.
.
คุณควรเรียนรู้ทักษะอะไรบ้างในเวลาเดียวกัน?
ผมแนะนำให้เลือก 2 หรือ 3 ทักษะเพื่อฝึกฝนควบคู่กันไป
คุณไม่ควรกำหนดเป้าหมายเพียงหนึ่งทักษะเพราะทักษะเหล่านี้สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกัน
การเรียนรู้ทักษะหนึ่งสามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านอื่นๆได้ หากคุณเรียนรู้มากกว่าหนึ่งทักษะไปพร้อมๆกัน คุณจะพัฒนาเร็วขึ้น (และกลายเป็นผู้เรียนภาษาอังกฤษที่รอบรู้มากขึ้น)
อย่างไรก็ดี แม้ว่าคุณอาจจะสามารถเรียนรู้ทักษะทั้งสี่ด้านพร้อมกัน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว มันออกจะเยอะเกินไปหน่อย ดังนั้น เลือกมาเพียง 2 หรือ 3 ทักษะก็พอครับ
ขั้นตอนที่ # 2: เลือกกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำ
หลังจากคุณได้กำหนดทักษะภาษาอังกฤษที่ต้องการพัฒนาแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การค้นหากิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านั้น
ตัวอย่างเช่นหากเป้าหมายของคุณคือการปรับปรุง 1) การฟังและ 2) การพูด คุณต้องหากิจกรรมสองอย่างที่จะทำ กิจกรรมหนึ่งสำหรับการฟัง อีกกิจกรรมสำหรับการพูด
เพื่อนำเสนอแนวคิดบางอย่างให้คุณ ผมจะกล่าวถึงกิจกรรมบางอย่างที่ผมทำ
.
.
.
ผมพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษอย่างไร
วิธีของผมนั้นง่ายมาก คือ ผมพยายามฟังการสนทนาภาษาอังกฤษให้มากที่สุด!
อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้น ต้องใช้เวลามากสุดๆ ดังนั้น ผมจึงคิดค้นกลยุทธ์ที่ดีในการประหยัดเวลา
กลยุทธ์ของผม คือ: ฟังภาษาอังกฤษ เวลาทำ”กิจกรรมที่คุ้นเคย”
กิจกรรมที่คุ้นเคย หมายถึง กิจกรรมทั่วไปที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องคิดหรือใส่ใจ ตัวอย่างเช่น เวลาเดินทาง เวลารอ เวลาทำอาหาร ทำความสะอาด เวลาเดิน ฯลฯ
ในช่วงกิจกรรมเหล่านี้ คนส่วนใหญ่มักเล่นมือถือหรือฟังเพลง แต่ไม่ใช่ผม! แทนที่จะเสียเวลาแบบนั้น ผมเลือกที่จะฟังภาษาอังกฤษ
อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาการฟังของคุณ คือ การดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน
(หรือรายการทีวี) สองครั้ง ครั้งแรกที่คุณดู ก็ดูแบบมีคำบรรยาย
ส่วนครั้งที่สองให้ดูโดยไม่มีคำบรรยาย
แม้ว่าผมจะไม่ฝึกตัวเองด้วยวิธีดังกล่าว (ผมไม่สามารถทนดูเรื่องเดียวกันซ้ำสองครั้ง) แต่ผมรู้ว่ามันมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะดูอะไรสองครั้งซ้ำกัน คุณก็อาจลองฝึกเช่นนั้นได้
.
.
.
ผมฝึกพูดภาษาอังกฤษพูดอย่างไร
ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มต้น (ตอนที่ทักษะภาษาอังกฤษยังแย่อยู่) ผมได้ฝึกฝนกับสิ่งที่เรียกว่า บทเรียนภาษาอังกฤษถาม – ตอบ (Q&A)
การเรียนแบบ Q&A เป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น มันสามารถช่วยให้คุณสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องเมื่อพูดภาษาอังกฤษ และยังสามารถช่วยให้คุณเลียนเสียงเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น
หมายเหตุ: บทเรียนเหล่านี้มีค่าใช้จ่าย เพราะผมใช้เงินมากกว่า 2,500 ดอลลาร์เพื่อทำมันขึ้นมา ต้นทุนการผลิต คือ การจ้างเจ้าของภาษาเพื่อพิสูจน์อักษรและบันทึกบทเรียน รวมถึงการว่าจ้างศิลปินเพื่อวาดภาพประกอบและซื้อซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอและอุปกรณ์อื่นๆ
.
.
.
วิธีฝึกพูดอีกแบบหนึ่ง ผมเรียกว่ามันว่า เทคนิคการเลียนแบบ ซึ่งเป็นวิธีเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษด้วยการเลียนแบบเจ้าของภาษา
มันต่างจาก Q&A ตรงที่ การฝึกฝนรูปแบบนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
นี่คือวิธีปฏิบัติ: คุณแค่ฟังการสนทนาภาษาอังกฤษและพยายามที่จะเลียนแบบสิ่งที่คุณได้ยิน
บทสนทนาอาจมาจากอะไรก็ได้ เช่น คลิปวิดีโอบน YouTube พ็อดคาสต์ หรือแม้แต่ภาพยนตร์
กุญแจสำคัญ คือ การเลียนแบบการสนทนาที่คุณเข้าใจ (มิฉะนั้นจะไม่ได้ผล)
.
.
.
ผมฝึกการอ่านภาษาอังกฤษอย่างไร
ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่ผมใช้พัฒนาทักษะการอ่านของผม
ผมแค่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ (จำนวนมาก)
ผมมักจะนำหนังสือติดตัวไปทุกที่ๆผมไป เมื่อผมอยู่บนรถไฟหรือรออะไรอยู่ ผมก็ดึงหนังสือออกมาแล้วเริ่มอ่าน
การอ่านอาจเป็นวิธีที่ง่ายและเชื่อถือได้มากที่สุดในการ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ และไวยากรณ์
ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายเงินซื้อหนังสือ (หรือถ้ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาหนังสือภาษาอังกฤษในย่านที่คุณอาศัยอยู่) คุณสามารถอ่านบล็อกภาษาอังกฤษในหัวข้อที่คุณสนใจ
หากต้องการดูรายการหนังสือ (หรือบล็อก) ที่ฒแนะนำ ให้คลิ้กไปที่ ลิงค์นี้
.
.
.
ผมฝึกเขียนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นได้อย่างไร
เช่นเดียวกับที่ผมพัฒนาการพูด ผมจะพัฒนาการเขียนของผมโดยเลียนแบบการเขียนของเจ้าของภาษา
วิธีนี้ถูกใช้โดยนักเขียนหลายคน เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนของพวกเขา
ผมหวังว่าตอนนี้คุณคงมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะทำกิจกรรมใด ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยสองกิจกรรม: การฟังและการอ่านเป็นภาษาอังกฤษ (เป็นประจำ)
การฟังและการอ่านรวมกัน จะช่วยเพิ่มทักษะด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ รวมถึงการตีความภาษาอังกฤษให้กับคุณได้ในเวลาเดียวกัน มันจึงเป็นจุดตั้งต้นที่ดี
หรือถ้าคุณต้องการไอเดียเพิ่มเติม คุณอาจค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง
เพียงค้นหาใน Google (หรือ YouTube) เพื่อเสิร์ชหาข้อมูล เช่น “วิธีพัฒนาทักษะ _____ ภาษาอังกฤษ” (พิมพ์ทักษะที่คุณต้องการที่จะปรับปรุง เช่น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ลงในช่องว่าง) คุณก็จะได้รับไอเดียมากมาย
ขั้นตอนที่ # 3: เพิ่มกิจกรรมลงใน
กิจวัตรประจำวันของคุณ
หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ คุณต้องเพิ่มกิจกรรมที่คุณเลือกไว้ เข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณ
นั่นหมายความว่า คุณต้องทำกิจกรรมทุกวันโดยไม่หยุด เหมือนดั่งการกินอาหารหรือการแปรงฟัน
ดังนั้น ตอนนี้เป็นเวลาที่จะวางแผนว่า คุณจะทำกิจกรรมในแต่ละวัน“ตอนไหน”
เพื่อช่วยให้คุณเกิดแนวคิด ผมจะแบ่งปันกิจวัตรประจำวันของผมให้ทราบ
.
.
.
กิจวัตรการเรียนภาษาอังกฤษของผม
ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ เป้าหมายของผมคือ การพัฒนาทักษะการพูด การฟัง และการอ่านของผม (3 ทักษะ)
ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ผมทำในแต่ละวัน:
หลังจากตื่นนอน ผมนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที (การทำสมาธิช่วยให้ผมจดจ่อและมีวินัยมากขึ้น)
หลังจากนั้น ผมเปิดคอมพิวเตอร์ ดูวิดีโอภาษาอังกฤษ และฝึกพูดโดยเลียนแบบเจ้าของภาษาในวิดีโอ (ผมใช้มักจะสุ่มคลืปวิดีโอใดก็ได้ ที่ผมพบใน YouTube)
ผมคิดว่า การฝึกพูดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ดังนั้น ผมจึงทำในตอนเช้า(ตรู่)
ทำไมต้องตอนเช้าน่ะเหรอ? ก็เพราะมันเป็นการทำให้มั่นใจได้ว่าผมจะฝึกฝนทุกวัน ถ้าผมฝึกในตอนเย็นหรือตอนกลางคืน อาจมีเหตุการณ์บางอย่าง (เช่น เพื่อนเชิญไปทานอาหารเย็น) มารบกวนการฝึกของผม
จากนั้น ตลอดทั้งวันผมจะฟังหรืออ่านภาษาอังกฤษเท่าที่จะมีโอกาส
ตัวอย่างเช่น ขณะที่เดินหรือกำลังออกกำลังกาย ผมอาจฟังเนื้อหาเสียงภาษาอังกฤษไปด้วย หรือถ้าผมอยู่ในระบบขนส่งสาธารณะหรือกำลังรออะไรบางอย่าง ผมอาจอ่านหนังสือหรือบล็อกภาษาอังกฤษ
เพราะผมไม่ได้หมกมุ่นกับโซเชียลมีเดีย ผมจึงสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทั้งวันเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
แค่นั้นเอง! นั่นคือทั้งหมดที่ผมทำเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของผม
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของความเรียบง่าย
ดังนั้น แทนที่จะทำ 10 อย่างที่แตกต่างกันเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ ผมจึงเลือกทำเพียง 3 สิ่งที่ผมเชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การฟัง การอ่าน และการฝึกพูด
.
.
.
สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน คือ มันง่ายที่จะทำ (แม้แต่สำหรับคนที่มีงานยุ่ง)
ทั้งหมดที่ผมต้องการ คือ เวลาเพียง 10 – 30 นาทีในตอนเช้า เพื่อฝึกฝนการพูดและช่วงเวลาบางช่วงสำหรับ
การฟังและการอ่าน
ข้อได้เปรียบของกิจวัตรดังกล่าว คือ มันสามารถทำที่บ้านได้ ผมจะได้ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และสื่อการเรียนภาษาอังกฤษทั้งหมดที่ผมต้องการ ก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปแบบฟรีๆ!
ขั้นตอนที่ # 4: รับประกันความสำเร็จ
ด้วยการพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเอง คืออะไร?
การพัฒนาตนเองเป็นกระบวนการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น
- วินัยในตนเอง (ความสามารถในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง)
- ความสามารถของคุณในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆอย่างมีประสิทธิภาพ
- การมีสมาธิจดจ่อได้ โดยไม่ถูกรบกวน
- ฯลฯ
คุณสมบัติเหล่านี้มีความสำคัญมาก หากคุณต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายที่คุ้มค่า (เช่น การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ)
.
.
.
ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก การเลิกสูบบุหรี่ หรือการเรียนภาษาอังกฤษ
แต่แม้จะมีข้อมูลมากมาย หลายคนก็ยังคงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีหุ่นดี เพื่อเลิกสูบบุหรี่ หรือเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง
แปลกไหมล่ะครับ? คนเหล่านี้ “รู้” ว่าจะทำอย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ก็เพราะความรู้เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอน่ะสิครับ
คุณอาจรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้หุ่นดี (ออกกำลังกายเป็นประจำ) แต่ถ้าคุณไม่มีวินัยในการออกกำลังกายทุกวัน คุณจะมีหุ่นดีไม่ได้เลย
คุณอาจรู้วิธีเลิกสูบบุหรี่ แต่ถ้าคุณมีความตั้งใจไม่เพียงพอที่จะต่อต้านความอยาก คุณก็จะติดบุหรี่ไปตลอด
คุณอาจรู้วิธีการเรียนภาษาอังกฤษถึง 10 วิธี แต่ถ้าคุณเกิดความคิดฟุ้งซ่านจากภาพยนตร์ รายการทีวี หรือโซเชียลมีเดีย (ความสุขในระยะสั้น) ทักษะภาษาอังกฤษของคุณก็จะไม่มีวันกระเตื้องขึ้น
สรุปแล้ว สาเหตุที่คนเราล้มเหลว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เป็นเพราะพวกเขาขาดคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น ความมีวินัยในตนเอง
.
.
.
วิธีพัฒนาตนเอง
คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คุณมีวินัยในตนเองและคุณสมบัติอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จ
มีหลายวิธีในการพัฒนาตนเอง แต่สำหรับผู้ที่พยายามเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแนะนำให้ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษในด้านการพัฒนาตนเอง
รวมถึงหนังสือในบางหัวข้อ เช่น การมีวินัยในตนเอง การบริหารเวลา การพัฒนาทักษะ การเอาชนะการผลัดวันประกันพรุ่ง ความสำเร็จ การสร้างแรงจูงใจ ฯลฯ
.
.
.
เมื่อคุณอ่านเนื้อหาทางการศึกษาเหล่านี้ คุณจะได้รับแนวคิดที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างเช่น หากคุณอ่านหนังสือเกี่ยวกับการบริหารรเวลา ความรู้ที่คุณได้รับอาจช่วยให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง
หรือถ้าคุณอ่านหนังสือเกี่ยวกับวินัยในตนเอง ความคิดที่คุณได้รับจะช่วยให้คุณมีความขยันมากขึ้นในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
.
.
.
ที่จริงแล้ว ไอเดียหลายๆอย่างที่ผมนำมาแบ่งปันในเว็บไซท์นี้ ผมเอามาจากในหนังสือ ไม่ได้เกิดจากความคิดของผมเอง ตัวอย่างเช่น:
ผมนำไอเดียเรื่องการฝึกฟังภาษาอังกฤษระหว่างทำกิจกรรมที่คุ้นเคย มาจากหนังสือเกี่ยวกับการบริหารจัดการเวลา
ผมนำไอเดียเรื่องการฝึกพูดภาษาอังกฤษเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า มาจากหนังสือสองเล่มเกี่ยวกับการฝึกวินัยในตนเอง
ผมนำไอเดียเรื่องการมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมการเรียนรู้เพียงไม่กี่ทักษะ (แทนที่จะทำหลายอย่างพร้อมกัน) มาจากหนังสือเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิผล (ซึ่งสอนเรื่องกฎ 80/20 บนแนวคิดที่ว่า กิจกรรม 20% ของคุณ จะเป็นตัวกำหนด 80% ของผลลัพธ์ที่ได้)
.
.
.
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ของการใช้เนื้อหาทางการศึกษาที่ได้รับมาปรับปรุงวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หากปราศจากความรู้จากหนังสือเหล่านี้ ภาษาอังกฤษของผมก็คงจะไม่ดีเท่าตอนนี้
หนังสือแนะนำ
ผมขอนำเสนอรายชื่อหนังสือเพื่อการพัฒนาตนเองบางเล่ม ซึ่งผมพบว่ามีประโยชน์อย่างมาก ดังต่อไปนี้:
- The Compound Effect: Step-by-Step System to Multiply Your Success and Achieve Any Desire
- The Little Book of Talent: 52 Tips for Improving Your Skills
- The Miracle Morning: The 6 Habits That Will Transform Your Life Before 8AM
- Mindset: The New Psychology of Success
- The Slight Edge: Turning Simple Disciplines into Massive Success
- Mini Habits: Smaller Habits, Bigger Results
ตอนนี้ผมอยากจะบอกคุณว่า การพัฒนาตนเองต้องใช้เวลาและความพยายาม ดังนั้น อย่าคาดหวังที่จะอ่านหนังสือสองสามเล่มแล้วจะเกิดวินัยในตนเองขึ้นมา มันไม่ง่ายเช่นนั้น
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากหนังสือเหล่านั้น คุณต้องประยุกต์ใช้แนวคิดที่ได้จากหนังสือ กล่าวคือ คุณต้องนำความคิดไปสู่การปฏิบัติ
คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุกแนวคิด (เพราะมันเป็นไปไม่ได้) ขอเพียงเลือกใช้แนวคิดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
.
.
.
ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อหนังสือ จะทำอย่างไร
หากคุณไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือ อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นหยุดคุณจากการพัฒนาตนเอง
นอกจากนี้ คุณยังสามารถอ่านบล็อก ฟังพอดคาสต์ หรือดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเองได้
เพียงเสิร์ชคำว่า “personal development blogs” ในกูเกิ้ล (หรือในพ็อดแคสต์และยูทูป) คุณจะพบแหล่งข้อมูลฟรีมากมาย
.
.
.
อย่างไรก็ดี หากคุณสามารถซื้อหนังสือได้ ผมแนะนำให้คุณอ่านหนังสือแทนที่จะฟังพ็อดแคสต์พัฒนาตนเองหรือดูวิดีโอที่สร้างแรงบันดาลใจในยูทูป
ในความคิดของผมหนังสือมีค่ามากกว่าสื่อรูปแบบอื่น
การเขียนหนังสือเกี่ยวข้องกับการวางแผนการค้นคว้าและการพิจารณาเป็นอย่างมาก การเขียนหนังสือเล่มหนึ่งมักจะใช้เวลาเป็น “ปีๆ” ดังนั้น แนวคิดในหนังสือจึงได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี
ในทางกลับกัน วิดีโอและพ็อดแคสต์จะถูกสร้างขึ้นค่อนข้างเร็ว โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันเท่านั้น
สรุป: วิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
ความรู้จะไร้ประโยชน์ หากปราศจากการลงมือปฏิบัติ
นี่คือบทสรุปของสิ่งที่คุณต้องทำ (ตอนนี้):
- เลือกทักษะภาษาอังกฤษที่คุณต้องการปรับปรุง: การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน (เลือกเพียง 2 หรือ 3 ทักษะ)
- เลือกกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านั้น (หนึ่งกิจกรรมสำหรับแต่ละทักษะ)
- ผสานกิจกรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน (วางแผนตารางเวลาสำหรับสิ่งที่จะทำในแต่ละวัน)
- รับประกันความสำเร็จโดยการพัฒนาวินัยในตนเองและคุณลักษณะเชิงบวกด้านอื่นๆ (คุณสามารถทำได้โดยการอ่านหรือฟังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเอง)
ผมเชื่อว่าทุกขั้นตอนข้างต้นมีความสำคัญเท่าเทียมกัน หากคุณตัดขั้นตอนใดออกไป ภาษาอังกฤษของคุณจะไม่พัฒนาขึ้น
ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ได้ตัดสินใจว่าทักษะใดที่คุณต้องการพัฒนา การกระทำของคุณจะไร้จุดหมาย เพราะคุณไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน
หรือถ้าคุณไม่เลือกกิจกรรมที่ต้องทำ คุณจะสับสนและไม่รู้ว่าต้องทำอะไรในแต่ละวันเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ
หรือถ้าคุณไม่ผสานกิจกรรมเหล่านั้นให้เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน คุณก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะการเรียนรู้ของคุณขาดความสม่ำเสมอ
.
.
.
ประเด็นสุดท้าย แต่เป็นประเด็นสำคัญ คือ หากคุณไม่พัฒนาตัวเองให้มีวินัยมากขึ้น คุณจะไม่สามารถดำเนินการตามแผนการเรียนรู้ของคุณได้สำเร็จ ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะหยุดฝึกฝน … รับรองได้เลย
ดังนั้น ผมขอแนะนำให้คุณทำทุกขั้นตอนอย่างจริงจัง
และทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ ผมหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่อ่าน ขอให้โชคดี