วิธีเรียนรู้ภาษาอังกฤษ: แนวทางแบบง่ายๆและรวดเร็ว

1845

ต้องการทราบวิธีการพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณอย่างมีประสิทธิภาพใช่หรือไม่?


ในบทความนี้ ผมจะมาบอกวิธีการ (ทีละขั้นตอน)

.

มาเริ่มกันเลย:


ขั้นตอนที่ # 1: เลือกทักษะภาษาอังกฤษเพื่อปรับปรุง


มีทักษะการสื่อสารอยู่สี่ด้านในภาษาอังกฤษ (รวมถึงภาษาอื่น ๆ ):

  1. การฟัง
  2. การพูดการ
  3. การอ่าน
  4. การเขียน


เพื่อเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เลือกอย่างน้อยหนึ่งในสี่ทักษะด้านบน

เลือกทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณตอนนี้ (หรือทักษะที่เป็นจุดอ่อนที่สุดของคุณ)

โดยปกติแล้ว ผู้คนจะมีปัญหาด้านการฟังและการพูดมากที่สุด ดังนั้น หากคุณไม่ทราบว่าทักษะใดที่ต้องพัฒนา ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยทักษะทั้งสองด้านนี้ (แต่ถ้าคุณต้องการที่จะปรับปรุงทักษะการอ่านหรือการเขียน ก็ย่อมได้)
.
.
.

คุณควรเรียนรู้ทักษะอะไรบ้างในเวลาเดียวกัน?


ผมแนะนำให้เลือก 2 หรือ 3 ทักษะเพื่อฝึกฝนควบคู่กันไป

คุณไม่ควรกำหนดเป้าหมายเพียงหนึ่งทักษะเพราะทักษะเหล่านี้สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกัน

การเรียนรู้ทักษะหนึ่งสามารถช่วยพัฒนาทักษะด้านอื่นๆได้ หากคุณเรียนรู้มากกว่าหนึ่งทักษะไปพร้อมๆกัน คุณจะพัฒนาเร็วขึ้น (และกลายเป็นผู้เรียนภาษาอังกฤษที่รอบรู้มากขึ้น)

อย่างไรก็ดี แม้ว่าคุณอาจจะสามารถเรียนรู้ทักษะทั้งสี่ด้านพร้อมกัน แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว มันออกจะเยอะเกินไปหน่อย ดังนั้น เลือกมาเพียง 2 หรือ 3 ทักษะก็พอครับ


ขั้นตอนที่ # 2: เลือกกิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำ

หลังจากคุณได้กำหนดทักษะภาษาอังกฤษที่ต้องการพัฒนาแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การค้นหากิจกรรมการเรียนรู้ที่ต้องทำเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านั้น

ตัวอย่างเช่นหากเป้าหมายของคุณคือการปรับปรุง 1) การฟังและ 2) การพูด คุณต้องหากิจกรรมสองอย่างที่จะทำ กิจกรรมหนึ่งสำหรับการฟัง อีกกิจกรรมสำหรับการพูด

เพื่อนำเสนอแนวคิดบางอย่างให้คุณ ผมจะกล่าวถึงกิจกรรมบางอย่างที่ผมทำ
.
.
.

ผมพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษอย่างไร


วิธีของผมนั้นง่ายมาก คือ ผมพยายามฟังการสนทนาภาษาอังกฤษให้มากที่สุด!

อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้น ต้องใช้เวลามากสุดๆ ดังนั้น ผมจึงคิดค้นกลยุทธ์ที่ดีในการประหยัดเวลา

กลยุทธ์ของผม คือ: ฟังภาษาอังกฤษ เวลาทำ”กิจกรรมที่คุ้นเคย”

กิจกรรมที่คุ้นเคย หมายถึง กิจกรรมทั่วไปที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องคิดหรือใส่ใจ  ตัวอย่างเช่น เวลาเดินทาง เวลารอ เวลาทำอาหาร ทำความสะอาด เวลาเดิน ฯลฯ

ในช่วงกิจกรรมเหล่านี้ คนส่วนใหญ่มักเล่นมือถือหรือฟังเพลง แต่ไม่ใช่ผม! แทนที่จะเสียเวลาแบบนั้น ผมเลือกที่จะฟังภาษาอังกฤษ

Listen to English during mindless activities


อีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาการฟังของคุณ คือ การดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน (หรือรายการทีวี) สองครั้ง ครั้งแรกที่คุณดู ก็ดูแบบมีคำบรรยาย ส่วนครั้งที่สองให้ดูโดยไม่มีคำบรรยาย

แม้ว่าผมจะไม่ฝึกตัวเองด้วยวิธีดังกล่าว (ผมไม่สามารถทนดูเรื่องเดียวกันซ้ำสองครั้ง) แต่ผมรู้ว่ามันมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ถ้าคุณไม่รังเกียจที่จะดูอะไรสองครั้งซ้ำกัน คุณก็อาจลองฝึกเช่นนั้นได้
.
.
.

ผมฝึกพูดภาษาอังกฤษพูดอย่างไร


ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มต้น (ตอนที่ทักษะภาษาอังกฤษยังแย่อยู่) ผมได้ฝึกฝนกับสิ่งที่เรียกว่า บทเรียนภาษาอังกฤษถาม – ตอบ (Q&A)

การเรียนแบบ Q&A เป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น มันสามารถช่วยให้คุณสร้างประโยคได้อย่างถูกต้องเมื่อพูดภาษาอังกฤษ และยังสามารถช่วยให้คุณเลียนเสียงเหมือนเจ้าของภาษามากขึ้น

หมายเหตุ: บทเรียนเหล่านี้มีค่าใช้จ่าย เพราะผมใช้เงินมากกว่า 2,500 ดอลลาร์เพื่อทำมันขึ้นมา ต้นทุนการผลิต คือ การจ้างเจ้าของภาษาเพื่อพิสูจน์อักษรและบันทึกบทเรียน รวมถึงการว่าจ้างศิลปินเพื่อวาดภาพประกอบและซื้อซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอและอุปกรณ์อื่นๆ
.
.
.

วิธีฝึกพูดอีกแบบหนึ่ง ผมเรียกว่ามันว่า เทคนิคการเลียนแบบ ซึ่งเป็นวิธีเรียนรู้การพูดภาษาอังกฤษด้วยการเลียนแบบเจ้าของภาษา

มันต่างจาก Q&A ตรงที่ การฝึกฝนรูปแบบนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

นี่คือวิธีปฏิบัติ: คุณแค่ฟังการสนทนาภาษาอังกฤษและพยายามที่จะเลียนแบบสิ่งที่คุณได้ยิน

บทสนทนาอาจมาจากอะไรก็ได้ เช่น คลิปวิดีโอบน YouTube พ็อดคาสต์ หรือแม้แต่ภาพยนตร์

กุญแจสำคัญ คือ การเลียนแบบการสนทนาที่คุณเข้าใจ (มิฉะนั้นจะไม่ได้ผล)
.
.
.

ผมฝึกการอ่านภาษาอังกฤษอย่างไร


ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับวิธีที่ผมใช้พัฒนาทักษะการอ่านของผม

ผมแค่อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ (จำนวนมาก)

ผมมักจะนำหนังสือติดตัวไปทุกที่ๆผมไป เมื่อผมอยู่บนรถไฟหรือรออะไรอยู่ ผมก็ดึงหนังสือออกมาแล้วเริ่มอ่าน

การอ่านอาจเป็นวิธีที่ง่ายและเชื่อถือได้มากที่สุดในการ เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ และไวยากรณ์

ถ้าคุณไม่สามารถจ่ายเงินซื้อหนังสือ (หรือถ้ามันเป็นเรื่องยากที่จะหาหนังสือภาษาอังกฤษในย่านที่คุณอาศัยอยู่) คุณสามารถอ่านบล็อกภาษาอังกฤษในหัวข้อที่คุณสนใจ

หากต้องการดูรายการหนังสือ (หรือบล็อก) ที่ฒแนะนำ ให้คลิ้กไปที่ ลิงค์นี้
.
.
.

ผมฝึกเขียนภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นได้อย่างไร


เช่นเดียวกับที่ผมพัฒนาการพูด ผมจะพัฒนาการเขียนของผมโดยเลียนแบบการเขียนของเจ้าของภาษา

วิธีนี้ถูกใช้โดยนักเขียนหลายคน เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนของพวกเขา

ผมหวังว่าตอนนี้คุณคงมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะทำกิจกรรมใด ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยสองกิจกรรม: การฟังและการอ่านเป็นภาษาอังกฤษ (เป็นประจำ)

การฟังและการอ่านรวมกัน จะช่วยเพิ่มทักษะด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ รวมถึงการตีความภาษาอังกฤษให้กับคุณได้ในเวลาเดียวกัน มันจึงเป็นจุดตั้งต้นที่ดี

หรือถ้าคุณต้องการไอเดียเพิ่มเติม คุณอาจค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง


เพียงค้นหาใน Google (หรือ YouTube) เพื่อเสิร์ชหาข้อมูล เช่น “วิธีพัฒนาทักษะ _____ ภาษาอังกฤษ” (พิมพ์ทักษะที่คุณต้องการที่จะปรับปรุง เช่น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ลงในช่องว่าง) คุณก็จะได้รับไอเดียมากมาย


ขั้นตอนที่ # 3: เพิ่มกิจกรรมลงใน
กิจวัตรประจำวันของคุณ


หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ คุณต้องเพิ่มกิจกรรมที่คุณเลือกไว้ เข้าไปในกิจวัตรประจำวันของคุณ

นั่นหมายความว่า คุณต้องทำกิจกรรมทุกวันโดยไม่หยุด เหมือนดั่งการกินอาหารหรือการแปรงฟัน

ดังนั้น ตอนนี้เป็นเวลาที่จะวางแผนว่า คุณจะทำกิจกรรมในแต่ละวัน“ตอนไหน”

เพื่อช่วยให้คุณเกิดแนวคิด ผมจะแบ่งปันกิจวัตรประจำวันของผมให้ทราบ
.
.
.

กิจวัตรการเรียนภาษาอังกฤษของผม


ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้ เป้าหมายของผมคือ การพัฒนาทักษะการพูด การฟัง และการอ่านของผม (3 ทักษะ)

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ผมทำในแต่ละวัน:

หลังจากตื่นนอน ผมนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที (การทำสมาธิช่วยให้ผมจดจ่อและมีวินัยมากขึ้น)

หลังจากนั้น ผมเปิดคอมพิวเตอร์ ดูวิดีโอภาษาอังกฤษ และฝึกพูดโดยเลียนแบบเจ้าของภาษาในวิดีโอ (ผมใช้มักจะสุ่มคลืปวิดีโอใดก็ได้ ที่ผมพบใน YouTube)


ผมคิดว่า การฝึกพูดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ดังนั้น ผมจึงทำในตอนเช้า(ตรู่)

ทำไมต้องตอนเช้าน่ะเหรอ? ก็เพราะมันเป็นการทำให้มั่นใจได้ว่าผมจะฝึกฝนทุกวัน ถ้าผมฝึกในตอนเย็นหรือตอนกลางคืน อาจมีเหตุการณ์บางอย่าง (เช่น เพื่อนเชิญไปทานอาหารเย็น)  มารบกวนการฝึกของผม

จากนั้น ตลอดทั้งวันผมจะฟังหรืออ่านภาษาอังกฤษเท่าที่จะมีโอกาส

ตัวอย่างเช่น ขณะที่เดินหรือกำลังออกกำลังกาย ผมอาจฟังเนื้อหาเสียงภาษาอังกฤษไปด้วย หรือถ้าผมอยู่ในระบบขนส่งสาธารณะหรือกำลังรออะไรบางอย่าง ผมอาจอ่านหนังสือหรือบล็อกภาษาอังกฤษ

เพราะผมไม่ได้หมกมุ่นกับโซเชียลมีเดีย ผมจึงสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทั้งวันเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ





แค่นั้นเอง! นั่นคือทั้งหมดที่ผมทำเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของผม

ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของความเรียบง่าย

ดังนั้น แทนที่จะทำ 10 อย่างที่แตกต่างกันเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ ผมจึงเลือกทำเพียง 3 สิ่งที่ผมเชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ การฟัง การอ่าน และการฝึกพูด
.
.
.

สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน คือ มันง่ายที่จะทำ (แม้แต่สำหรับคนที่มีงานยุ่ง)

ทั้งหมดที่ผมต้องการ คือ เวลาเพียง 10 – 30 นาทีในตอนเช้า เพื่อฝึกฝนการพูดและช่วงเวลาบางช่วงสำหรับ
การฟังและการอ่าน

ข้อได้เปรียบของกิจวัตรดังกล่าว คือ มันสามารถทำที่บ้านได้ ผมจะได้ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหนสักแห่งเพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และสื่อการเรียนภาษาอังกฤษทั้งหมดที่ผมต้องการ ก็สามารถพบเจอได้ทั่วไปแบบฟรีๆ!


ขั้นตอนที่ # 4: รับประกันความสำเร็จ

ด้วยการพัฒนาตนเอง

การพัฒนาตนเอง คืออะไร?

การพัฒนาตนเองเป็นกระบวนการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น

  • วินัยในตนเอง (ความสามารถในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง)
  • ความสามารถของคุณในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การมีสมาธิจดจ่อได้ โดยไม่ถูกรบกวน
  • ฯลฯ

คุณสมบัติเหล่านี้มีความสำคัญมาก หากคุณต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายที่คุ้มค่า (เช่น การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ)
.
.
.

ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ


มีข้อมูลมากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก การเลิกสูบบุหรี่ หรือการเรียนภาษาอังกฤษ

แต่แม้จะมีข้อมูลมากมาย หลายคนก็ยังคงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีหุ่นดี เพื่อเลิกสูบบุหรี่ หรือเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง

แปลกไหมล่ะครับ? คนเหล่านี้ “รู้” ว่าจะทำอย่างไรเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ก็เพราะความรู้เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอน่ะสิครับ

คุณอาจรู้ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้หุ่นดี (ออกกำลังกายเป็นประจำ) แต่ถ้าคุณไม่มีวินัยในการออกกำลังกายทุกวัน คุณจะมีหุ่นดีไม่ได้เลย

คุณอาจรู้วิธีเลิกสูบบุหรี่ แต่ถ้าคุณมีความตั้งใจไม่เพียงพอที่จะต่อต้านความอยาก คุณก็จะติดบุหรี่ไปตลอด

คุณอาจรู้วิธีการเรียนภาษาอังกฤษถึง 10 วิธี แต่ถ้าคุณเกิดความคิดฟุ้งซ่านจากภาพยนตร์ รายการทีวี หรือโซเชียลมีเดีย (ความสุขในระยะสั้น) ทักษะภาษาอังกฤษของคุณก็จะไม่มีวันกระเตื้องขึ้น

Too lazy to learn English


สรุปแล้ว สาเหตุที่คนเราล้มเหลว ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เป็นเพราะพวกเขาขาดคุณสมบัติที่สำคัญ เช่น ความมีวินัยในตนเอง
.
.
.

วิธีพัฒนาตนเอง


คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คุณมีวินัยในตนเองและคุณสมบัติอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จ

มีหลายวิธีในการพัฒนาตนเอง แต่สำหรับผู้ที่พยายามเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอแนะนำให้ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษในด้านการพัฒนาตนเอง

รวมถึงหนังสือในบางหัวข้อ เช่น การมีวินัยในตนเอง การบริหารเวลา การพัฒนาทักษะ การเอาชนะการผลัดวันประกันพรุ่ง ความสำเร็จ การสร้างแรงจูงใจ ฯลฯ
.
.
.

เมื่อคุณอ่านเนื้อหาทางการศึกษาเหล่านี้ คุณจะได้รับแนวคิดที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้ประกอบการเรียนภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างเช่น หากคุณอ่านหนังสือเกี่ยวกับการบริหารรเวลา ความรู้ที่คุณได้รับอาจช่วยให้คุณเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง

หรือถ้าคุณอ่านหนังสือเกี่ยวกับวินัยในตนเอง ความคิดที่คุณได้รับจะช่วยให้คุณมีความขยันมากขึ้นในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
.
.
.

ที่จริงแล้ว ไอเดียหลายๆอย่างที่ผมนำมาแบ่งปันในเว็บไซท์นี้ ผมเอามาจากในหนังสือ ไม่ได้เกิดจากความคิดของผมเอง ตัวอย่างเช่น:

ผมนำไอเดียเรื่องการฝึกฟังภาษาอังกฤษระหว่างทำกิจกรรมที่คุ้นเคย มาจากหนังสือเกี่ยวกับการบริหารจัดการเวลา

ผมนำไอเดียเรื่องการฝึกพูดภาษาอังกฤษเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า มาจากหนังสือสองเล่มเกี่ยวกับการฝึกวินัยในตนเอง

ผมนำไอเดียเรื่องการมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมการเรียนรู้เพียงไม่กี่ทักษะ (แทนที่จะทำหลายอย่างพร้อมกัน) มาจากหนังสือเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิผล (ซึ่งสอนเรื่องกฎ 80/20 บนแนวคิดที่ว่า กิจกรรม 20% ของคุณ จะเป็นตัวกำหนด 80% ของผลลัพธ์ที่ได้)
.
.
.

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ของการใช้เนื้อหาทางการศึกษาที่ได้รับมาปรับปรุงวิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ หากปราศจากความรู้จากหนังสือเหล่านี้ ภาษาอังกฤษของผมก็คงจะไม่ดีเท่าตอนนี้

หนังสือแนะนำ

ผมขอนำเสนอรายชื่อหนังสือเพื่อการพัฒนาตนเองบางเล่ม ซึ่งผมพบว่ามีประโยชน์อย่างมาก ดังต่อไปนี้:



ตอนนี้ผมอยากจะบอกคุณว่า การพัฒนาตนเองต้องใช้เวลาและความพยายาม ดังนั้น อย่าคาดหวังที่จะอ่านหนังสือสองสามเล่มแล้วจะเกิดวินัยในตนเองขึ้นมา มันไม่ง่ายเช่นนั้น

เพื่อให้ได้ประโยชน์จากหนังสือเหล่านั้น คุณต้องประยุกต์ใช้แนวคิดที่ได้จากหนังสือ  กล่าวคือ คุณต้องนำความคิดไปสู่การปฏิบัติ

คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุกแนวคิด (เพราะมันเป็นไปไม่ได้) ขอเพียงเลือกใช้แนวคิดที่เหมาะกับคุณมากที่สุด
.
.
.

ถ้าคุณไม่มีเงินซื้อหนังสือ จะทำอย่างไร


หากคุณไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือ อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นหยุดคุณจากการพัฒนาตนเอง

นอกจากนี้ คุณยังสามารถอ่านบล็อก ฟังพอดคาสต์ หรือดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเองได้

เพียงเสิร์ชคำว่า “personal development blogs” ในกูเกิ้ล (หรือในพ็อดแคสต์และยูทูป) คุณจะพบแหล่งข้อมูลฟรีมากมาย
.
.
.

อย่างไรก็ดี หากคุณสามารถซื้อหนังสือได้ ผมแนะนำให้คุณอ่านหนังสือแทนที่จะฟังพ็อดแคสต์พัฒนาตนเองหรือดูวิดีโอที่สร้างแรงบันดาลใจในยูทูป

ในความคิดของผมหนังสือมีค่ามากกว่าสื่อรูปแบบอื่น

การเขียนหนังสือเกี่ยวข้องกับการวางแผนการค้นคว้าและการพิจารณาเป็นอย่างมาก การเขียนหนังสือเล่มหนึ่งมักจะใช้เวลาเป็น “ปีๆ” ดังนั้น แนวคิดในหนังสือจึงได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี

ในทางกลับกัน วิดีโอและพ็อดแคสต์จะถูกสร้างขึ้นค่อนข้างเร็ว โดยใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันเท่านั้น


สรุป: วิธีการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

ความรู้จะไร้ประโยชน์ หากปราศจากการลงมือปฏิบัติ

นี่คือบทสรุปของสิ่งที่คุณต้องทำ (ตอนนี้):

  • เลือกทักษะภาษาอังกฤษที่คุณต้องการปรับปรุง: การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน (เลือกเพียง 2 หรือ 3 ทักษะ)
  • เลือกกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านั้น (หนึ่งกิจกรรมสำหรับแต่ละทักษะ)
  • ผสานกิจกรรมให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน (วางแผนตารางเวลาสำหรับสิ่งที่จะทำในแต่ละวัน)
  • รับประกันความสำเร็จโดยการพัฒนาวินัยในตนเองและคุณลักษณะเชิงบวกด้านอื่นๆ (คุณสามารถทำได้โดยการอ่านหรือฟังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตนเอง)



ผมเชื่อว่าทุกขั้นตอนข้างต้นมีความสำคัญเท่าเทียมกัน หากคุณตัดขั้นตอนใดออกไป ภาษาอังกฤษของคุณจะไม่พัฒนาขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากคุณไม่ได้ตัดสินใจว่าทักษะใดที่คุณต้องการพัฒนา การกระทำของคุณจะไร้จุดหมาย เพราะคุณไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

หรือถ้าคุณไม่เลือกกิจกรรมที่ต้องทำ คุณจะสับสนและไม่รู้ว่าต้องทำอะไรในแต่ละวันเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ

หรือถ้าคุณไม่ผสานกิจกรรมเหล่านั้นให้เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน คุณก็จะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะการเรียนรู้ของคุณขาดความสม่ำเสมอ
.
.
.

ประเด็นสุดท้าย แต่เป็นประเด็นสำคัญ คือ หากคุณไม่พัฒนาตัวเองให้มีวินัยมากขึ้น คุณจะไม่สามารถดำเนินการตามแผนการเรียนรู้ของคุณได้สำเร็จ ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะหยุดฝึกฝน … รับรองได้เลย

ดังนั้น ผมขอแนะนำให้คุณทำทุกขั้นตอนอย่างจริงจัง

และทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ ผมหวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่อ่าน ขอให้โชคดี

Share
.