นี่คือรายการของเรื่องขี้เกียจที่สุดที่ผมเคยทำ:
- ผมเคยดูซีรี่ส์ Law and Order SVU เป็นเวลา 8 ถึง 12 ชั่วโมงติดต่อกัน โดยไม่ออกจากบ้านเลย
- ผมดื่มและ/หรือสูบกัญชาทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีเต็ม
- ผมเคยติดการดูหนังโป๊
- ผมได้เกรดเฉลี่ย 0.00 ในเทอมหนึ่งตอนที่เรียนในวิทยาลัยและไม่ฉลาดพอที่จะลาออก ผมจ่ายค่าเทอม โดยไม่ได้ไปเรียนเลย
ผมเคยทำสิ่งเหล่านั้นมาก่อน
.
.
.
คุณอาจรู้สึกว่าคุณมีพรสวรรค์ทั้งหมดที่เพียงพอจะประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณก็มีจริงๆ แต่คุณก็ยังคงยึดติดกับภาพลักษณ์ที่ว่า คุณไม่ได้เป็น ‘ผู้ที่มีแรงจูงใจ’ และทุกครั้งที่คุณพยายามแก้ไขสิ่งที่คุณทำและล้มเหลว มันก็ยิ่งส่งผลให้ภาพลักษณ์ดังกล่าวฝังแน่นในใจ
หากคุณไม่มีแรงจูงใจและต้องการเปลี่ยนแปลงมัน คุณต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์เกี่ยวกับตัวเอง ด้วยการปฏิเสธที่จะยอมรับการกระทำในแบบตัวตนเดิมของคุณและค่อยๆสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ในการกระทำที่ถูกต้อง ค้นหาสิ่งที่ทำให้คุณตื่นเต้น และผลักดันให้คุณทำงานหนัก
.
.
.
ในฐานะคนที่เคยยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง ผมมั่นใจที่จะบอกคุณว่า การเปลี่ยนจากการไม่มีแรงจูงใจเลย ไปสู่การมีแรงจูงใจมหาศาล เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หากคุณไปเดินตามเส้นทางที่ผมกำลังจะอธิบาย คุณจะรู้สึกราวกับว่า ตัวตนเดิม ของคุณนั้น ไม่เคยมีอยู่ คุณจะลืมไปเลยว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต คุณเคยขี้เกียจเพียงใด
แล้วคุณต้องทำอย่างไร? คุณจะแก้ไขปัญหาความเกียจคร้านที่ติดตัวมาตลอดเวลาได้อย่างไร?
แรงบันดาลใจเพียงแหล่งเดียวที่ผมพบว่า มันได้ผล
หากคุณพบสิ่งที่ทำให้คุณตื่นเต้น คุณก็มีโอกาสเข้าถึงแรงจูงใจ การค้นพบโอกาสเหล่านี้ไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย แต่มันก็เป็นวิธีที่เป็นไปได้มากที่สุดในการค้นพบทางสว่าง
เมื่อมีโอกาสดังกล่าวเกิดขึ้นหรือคุณ หรือคุณค้นหาโอกาสจนเจอ จงทะยานเข้าหามันและโลดแล่นไปกับมันให้นานเท่าที่จะเป็นไปได้
คุณอาจทดลองและล้มเหลว แต่อย่างน้อยช่วงเวลาเหล่านั้นจะช่วยเตือนคุณว่า คุณสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าคุณยึดเหนี่ยวมันไว้สักช่วงเวลาหนึ่ง
.
.
.
ผมได้พบกับคลื่นแรงจูงใจมากมายก่อนที่ผมจะพบคลื่นลูกสุดท้ายในงานเขียน
ผมเคยทำงานที่บริษัทเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายแบบ MLM หนึ่งในแง่ดีที่ได้จากบริษัทเหล่านี้น่ะเหรอ? ก็คือการที่พวกเขาสอนการพัฒนาตนเอง ผมเริ่มอ่านหนังสือ ฟังโสตทัศนูปกรณ์ แม้ว่าผมจะไม่สามารถสร้างรายได้จากบริษัทเหล่านี้ ผมก็ยังคงเข้าร่วมสัมมนา เพราะมันช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และในที่สุดผมก็เลิกทำ แต่การพยายามทำอะไรบางอย่างเป็นเวลาสองสามเดือนติดกัน ก็ช่วยกระตุ้นจิตใต้สำนึกในสมองของผมว่า ผมมีความสามารถพอที่จะทำอะไรได้มากกว่าเดิม
บางภาคการศึกษาในโรงเรียน ผมเรียนได้ดีมาก เพราะผมพบกิจกรรมที่ทำให้ตัวเองตื่นเต้น ซึ่งช่วยกระตุ้นพรสวรรค์ จุดแข็ง และความอยากรู้อยากเห็นของผม ผมเข้าร่วมสภานักเรียนและได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดในภาคเรียนนั้น จากนั้น หลังจากแพ้การเลือกตั้งที่จะเป็นเหรัญญิกในปีถัดมา ผมจึงลาออก
การเขียนเป็นคลื่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผม มันน่าตื่นเต้นมาก จนกระทั่งผมติดใจมัน
.
.
.
บทเรียนในเรื่องนี้น่ะเหรอ?
จงทะยานเข้าหาคลื่นแห่งแรงจูงใจบ่อยๆ และความล้มเหลวก็มีข้อดีเหมือนกัน แม้ว่าคุณจะลงเอยด้วยการล้มเลิกทำสิ่งใด แต่การรักษาระดับแรงจูงใจเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่งจะช่วยกระตุ้นเตือนให้คุณรู้ถึงขีดความสามารถของตนเอง จากนั้น เมื่อคุณพบบางสิ่งที่สอดคล้องกับจุดแข็งและพรสวรรค์ของตัวเอง คุณจะสามารถโลดแล่นไปบนคลื่นลูกดังกล่าวต่อไปได้อีกนาน อาจถึงขั้นตลอดชีวิตเลยทีเดียว
.
.
.
คำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับเรื่องนี้ คือ:
- ตอบรับกับทุกสิ่ง: ลองไปร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นแถวที่พักของคุณ หรือดาวน์โหลดคู่มือฟรีจากนักการตลาดออนไลน์ที่คุณชื่นชอบและลองทำมันดูสักครั้ง ซื้อหนังสือหรือลงทะเบียนเข้าคอร์สอบรมต่างๆ ฯลฯ จงพยายามไขว่คว้าโอกาสเชิงบวกใดๆก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
- โฟกัสที่พรสวรรค์และจุดแข็งของตัวเอง: อย่ากลัวที่จะเรียนรู้ว่า คุณคือใคร นี่ไม่ได้เป็นการบอกว่าคุณไม่ควรทำสิ่งอื่นๆที่คุณต้องการ แต่คุณจะพบโอกาสมากขึ้นหากทำในสิ่งที่คุณถนัด ราคาของคุณจะสูงกว่าถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณต้องการทำ หากคุณไม่รู้ว่าตนเองมีพรสวรรค์และจุดแข็งด้านไหน ช่วงท้ายของบทความนี้จะมีคำแนะนำให้กับคุณ
- ระลึกถึงสิ่งที่คุณเคยรู้สึกตื่นเต้นกับมัน: หากคุณมีอาการซึมเศร้าอและไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นหรือความสุข คุณต้องได้รับความช่วยเหลือจากมืออาชีพ แต่สำหรับคนทั่วไป ย่อมมีโอกาสสูงที่ต้องเคยรู้สึกตื่นเต้นกับบางสิ่งบางอย่างในชีวิตกันมาบ้าง ลองนึกถึงสิ่งเหล่านั้นดูแล้วคุณจะตระหนักว่า คุณมีแรงจูงใจในตัวคุณอยู่แล้ว
หนทางที่เริ่มจากการไร้แรงจูงใจ ไปสู่การเปี่ยมด้วยแรงจูงใจ
เกมแห่งการพัฒนาตนเองนั้นแสนง่าย เพียงค้นหาและโลดแล่นไปกับแรงจูงใจของคุณ บางครั้งคุณอาจมีแรงบันดาลใจในการทำบางสิ่งบางอย่าง เมื่อคุณรู้สึกแบบนั้นให้คว้าโอกาสเอาไว้ เมื่อคุณไม่รู้สึกแบบนั้น คุณมักจะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณเลย นั่นคือที่มาของเนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจ มันเป็นเพียงการช่วยจุดประกายไฟให้กับคุณ แต่คุณต้อง ลงมือทำ
.
.
.
ข่าวดีก็คือ คุณยังมีหวังเสมอ
ผมไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจคุณ สถานการณ์ชีวิตของคุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากถึงขนาดที่ว่า ชีวิตแบบเดิมๆของคุณจะกลายเป็นเพียงภาพมายา ผมแบ่งปันเรื่องราวของผมมากมาย เพราะไม่มีวิธีการที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังของการพัฒนาตนเอง ได้ดีไปกว่าการบอกคุณว่า ความรู้สึกของการเปลี่ยนแปลงขีวิตนั้น มันดีอย่างไร
มันน่าเหลือเชื่อ ผมเคยขี้เกียจสุดๆ อาจจะขี้เกียจกว่าคุณด้วยซ้ำ ผมผ่านชีวิตมาหมดแล้ว ชีวิตที่บังเกิดหายนะทุกครั้งที่ตัดสินใจพลาดและมักตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย ผมขุดตัวเองขึ้นมาจากสถานการณ์เหล่านั้น ผมไม่รู้ว่าคำจำกัดความของคุณที่ว่า “ไร้แรงจูงใจ” นั้นหนักหนาเพียงใด แต่สำหรับผม มันค่อนข้างต่ำ
.
.
.
ผมนึกย้อนไปถึงสมัยที่ตัวเองยังทำงานในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ 12 ชั่วโมงต่อวัน ด้วยรายได้เพียง 10 ดอลลาร์/ชม. นั่งดื่มและสูบบุหรี่อยู่ที่โต๊ะข้างโรงงานทุกๆนาทีในช่วงพักเบรก เพราะนั่นเป็นงานที่น่าเบื่อที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา
ส่วนลึกในใจของผม ผมได้แต่หวังว่า ท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์จะดีขึ้นเอง แต่ในช่วงเวลานั้นสถานการณ์ของผมช่างดูสิ้นหวัง ผมลาออกจากวิทยาลัยและขาดวุฒิการศึกษา แถมยังอยู่ในช่วงของการถูกรอลงอาญา เพื่อนของผมส่วนใหญ่ออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่นกันหมด ผมอาศัยอยู่ในหอพักที่อนุญาตให้เข้าพักได้ก่อน โดยยังไม่ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า
นั่นคือชีวิตของผมในสมัยก่อน
.
.
.
ผู้ที่มีคนหลายคนมองเป็นแบบอย่างในตอนนี้ ซึ่งอาจมองว่าผมเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ มีทักษะพิเศษ หรือเก่งกว่าพวกเขาในด้านใดด้านหนึ่ง คือบุคคล คนเดียวกัน กับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในย่อหน้าที่แล้ว
ผมค้นพบความปรารถนาส่วนตัวและการพัฒนาตนเอง ทั้งสองสิ่งนั้นได้ช่วยชีวิตผมไว้และสามารถช่วยคุณได้เช่นกัน แต่คุณต้องเปิดใจรับมันอย่างเต็มที่
อดทน จนกว่าจะลงตัว
อ่านเนื้อหาการพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ เพื่อจุดประกายให้ตัวเองจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว ดูวิดีโอใน YouTube ที่มีเสียงดนตรีประกอบจากหนังเรื่องร็อคกี้ อ่านหนังสือแนวพฒนาตนเองที่คลาสสิก พยายามประคองจิตใจให้อยู่เหนือโคลนตม เพื่อให้คุณสามารถคว้าโอกาสได้ทันทีที่มันผ่านเข้ามา
นี่คือประเด็น คุณมีทางเลือกอื่นไหม? ผมเข้าใจว่า การพัฒนาตนเองมักไม่ได้ผลและคนส่วนใหญ่ไม่เคยบรรลุความฝัน ถึงกระนั้น ผมก็ไม่เห็นเส้นทางที่มีเหตุผลดีกว่าการพยายามต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะต้องล้มลุกคลุกคลานกี่ครั้งก็ตาม
คุณเพียงต้องทำในสิ่งที่เหมาะเจาะ แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนที่ชีวิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ยิ่งคุณให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองมากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าสิ่งที่คุณทำในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผล แต่จงเข้าใจว่ามันเป็นเส้นทางไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น และจงเข้าใจความจริงที่สำคัญข้อหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตคุณ
.
.
.
คุณบอกว่า ไม่มีแรงจูงใจ แต่คุณกำลังอ่านบทความเกี่ยวกับวิธีสร้างแรงจูงใจใจ ลองอ่านนิยามของคำว่า แรงจูงใจ จากดิคชันนารี่ Merriam-Webster ด้านล่างนี้:
“ความปรารถนาหรือความตั้งใจขั้นพื้นฐานของคนเรา ในการที่จะทำบางสิ่ง”
การอ่านบล็อกเกี่ยวกับวิธีการค้นหาแรงจูงใจ ช่างสอดคล้องกับคำนิยามข้างต้นจริงๆ อย่างน้อยคุณก็มีความปรารถนาหรือความตั้งใจที่จะอ่านบทความนี้ คุณกำลังลงมือทำ
หากคุณไม่มีแรงจูงใจจริงๆ การขาดแรงจูงใจจะไม่รบกวนจิตใจคุณ เพราะ … คุณไม่มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนแปลง
บางคนยอมแพ้ไปเสียก่อน ผมได้พบกับคนเหล่านั้นที่โรงงานอิเล็กทรอนิกส์ คุณไม่ได้เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ความจริงที่ว่าคุณกำลังอ่านบทความนี้ หมายความว่า คุณ ไม่ใช่ คนเหล่านั้น จงจำเอาไว้
.
.
.
ผมรู้จักคุณดี คุณคือนักค้นหา
นักค้นหามักจะมี โอกาสดีที่สุดสำหรับชัยชนะในชีวิต แม้ว่าคุณจะยังไม่ได้แปลงความคิดออกมาเป็นรูปธรรม แต่คุณก็ยังคิดอย่างแข็งขันว่า จะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร ในขณะที่คนส่วนใหญ่ได้แต่ฝันกลางวัน อย่างน้อยคุณก็กระตือรือร้นมากพอที่จะหาคำตอบ
เชื่อผมเถอะมันดีกว่าไม่ทำอะไรเลย นี่เป็นจุดเริ่มต้น
.
.
.
ผมไม่กล้ารับประกันความสำเร็จสำหรับคุณ ผมไม่สัญญาว่า ถ้าคุณทำตามสูตรสำเร็จที่เป็นความลับของผมแล้วทุกอย่างจะได้ผล แต่ผมมั่นใจว่า คุณมีความหวัง ผมมั่นใจว่า คุณยังมีโอกาสและคุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณรู้
และผมมั่นใจว่า ข้อความเหล่านี้จะถูกส่งไปถึงคนอย่างคุณเพียงไม่กี่คน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเขียน ไม่ใช่เพื่อมวลชน ผมไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกคน แต่ผมสามารถช่วยเหลือบางคนให้พวกเขายืนหยัดด้วยตนเองได้
คุณเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นหรือไม่ เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์