หลายคนมักจะได้ยินคำว่า Verb to be (หรือ V. to be อย่างที่ครูเรียกสั้นๆ) และก็มักจะนึกไปถึง โดยนึกว่ามันเป็น Base form หรือกริยาช่องที่ 1 ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิด
….แต่ที่จริงแล้ว Base form ของ V. to be ก็คือคำว่า ‘be’ ธรรมดาๆ นั่นเอง ส่วนคำว่า is/am/are เป็นเพียงคำที่แตกย่อยออกมา
ทั้งนี้ หลายคนคงรู้สึกสับสนว่า คำว่า ‘be’ หมายถึงอะไร แล้วนำไปใช้ในประโยคต่างๆอย่างไร ?
หลักการใช้คำว่า ‘be’ มีง่ายๆ ดังนี้ครับ
1) ใช้ตามหลัง Modal Verb เช่น will, would, can, could, may, might, must, should เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
We should be hardworking.
They will be meeting.
(โปรดสังเกตดีๆว่า เราจะใช้ V. แท้ในรูปแบบปกติ ตามหลัง V. to be หรือ คำว่า ‘be’ ไม่ได้นะครับ)
2) ใช้นำหน้าคำนาม
ตัวอย่างเช่น
Be a gentleman! หรือ
Be a man!
3) ใช้ตามหลังคำว่า to ในฐานะ V. to be
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราจะบอกว่า “ฉันอยากเป็นหมอ”
ก็ต้องพูดหรือเขียนว่า…
I want to be a doctor. (แบบนี้ถูก)
I want to am a doctor. (แบบนี้ผิด)
4) ใช้นำหน้าคำขยายนาม Adj. (เพื่อบ่งบอกลักษณะของกริยาที่ต้องการให้ผู้อื่นทำ)
Be careful! หรือ
You must be kind to those children.
(เราจะไม่พูดหรือเขียนว่า Be carefully หรือ You must be kindly…)
ทั้งนี้ หากเติม -ing เข้าไป เป็นคำว่า ‘being’ ในลักษณะนี้ being ก็ถือว่าเป็น V. to be รูปแบบหนึ่ง ใช้ในความหมายว่า ‘การเป็น/การอยู่’ โดยเอาไว้ตามหลัง Prep. หรือคำสันธาน
ตัวอย่างเช่น
We’re talking about being a good mother.
Being in my position isn’t funny.
*สำหรับใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียนออนไลน์ สามารถกดปุ่ม inbox มุมขวาล่าง ทักสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะครับ*
คำถามทดสอบ:
1) ข้อใดใช้ be ได้ถูกต้อง
a. He should be a teacher.
b. He could be a teacher.
c. He will be a teacher.
d. ถูกทุกข้อ
2) ข้อใดเขียนถูกต้อง
a. He should be going
b. He should go.
c. He should be go.
d. ถูกทั้ง a. และ b.
3) ข้อใดเขียนถูกต้อง
a. I want to be rich.
b. I can be rich.
c. Be rich!
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย
1. (ข้อ d.) เพราะ be สามารถใช้ตามหลัง Modal Verb เช่น will, would, can, could, may, might, must, should ฯลฯ
2. (ข้อ d.) ส่วนข้อ c. ผิด เพราะจะใช้ V. แท้ตามหลัง V. to be ไม่ได้ครับ
3. (ข้อ d.) เพราะคำว่า rich เป็น Adj. จึงใช้ตามหลัง be ได้ในทุกประโยคหรือวลี