จะว่าไปแล้ว การเรียนวิชาภาษาอังกฤษในมหา’ลัยต่างๆนั้น เรื่องของ Direct Speech (และ Indirect Speech) ก็มักจะถูกพูดถึงไม่ใช่น้อย ดังนั้น เราก็ควรมอบพื้นที่ทั้งบทความเพื่อทำความเข้าใจมันสักหน่อย เผื่อเอาไปใช้ในการสอบอื่นๆได้ด้วย
Direct Speech (DS) คือ การเอาคำพูดของผู้อื่นที่ตัวเองได้ยินได้ฟัง มาเล่าให้คู่สนทนาฟัง โดยมิได้เปลี่ยนแปลงคำพูดนั้นแม้แต่ส่วนใดส่วนหนึ่งเลย
ตัวอย่างเช่น
Jack said, “It is my pen.”
แจ๊คพูดว่า “มันเป็นปากกาของฉัน”
ทั้งนี้ รูปแบบการใช้ประโยค Direct Speech นั้นมีอยู่ 3 รูปแบบ คือ
รูปแบบที่ 1
- 1. วางประโยคนำ (เช่น He said หรือข้อความอื่นใดที่คล้ายกันนี้) ไว้ต้นประโยคทุกครั้ง
- 2. ข้างหลังประโยคนำต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) ทุกครั้งไป หรือใส่ (:) หรือ (;) ก็ได้
- 3. ประโยคที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดตามแบบการใช้แบบที่ 1 นี้ ต้องนำด้วยตัวอักษรใหญ่ขึ้นต้นประโยคเสมอ
เช่น He said, “The traffic is so bad”.
เขาพูดว่า “รถติดอย่างมหันต์”
รูปแบบที่ 2
- 1. วางประโยคนำ (เช่น He said หรือข้อความอื่นใดที่คล้ายกันนี้) ไว้ท้ายประโยคทุกครั้งไป
- 2. ใส่เครื่องหมาย Comma (,) ไว้หน้าประโยคท้ายเสมอ
- 3. จะเปลี่ยนรูปประโยคนำจาก He said เป็น said he ก็ได้ และประโยคในเครื่องหมายคำพุดต้องเขียนขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ
เช่น “The traffic is so bad.”, said he.
เขาพูดว่า “รถติดอย่างมหันต์”
รูปแบบที่ 3
- 1. วางประโยคนำ (เช่น He said หรือข้อความอื่นใดที่คล้ายกันนี้) แทรกไว้ตรงกลางข้อความที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด
- 2 . ข้างหน้าคำว่า he said และหลังคำว่า he said ต้องใสเครื่องหมาย Comma ( , ) ด้วยกันทั้งสองข้างทุกครั้ง
- 3. เมื่อจบข้อความที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูด ซึ่งวางตามหลัง he said ต้องใส่เครื่องหมายจบประโยคคือ ( . ) หรือ Full stop ทันที
- 4. การเขียนในรูปแบบนี้ มักจะมีการใส่จุดไข่ปลา (…) ไว้ต่อท้ายประโยคหน้า หรือเริ่มต้นประโยคหลัง หรือทั้งสองอย่างด้วยกันก็ได้
เช่น “The traffic is….”, he said, “…so bad”.
“รถติด…” เขากล่าว “….อย่างมหันต์”
*สำหรับใครที่กำลังมองหาคอร์สเรียนออนไลน์ สามารถกดปุ่ม inbox มุมขวาล่าง ทักสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะครับ*
คำถามทดสอบ:
1) ข้อใดคือนิยามของ Direct Speech
a. การนำเรื่องที่ได้ฟังมา มาบอกเล่าโดยไม่มีการดัดแปลงคำพูด
b. การนำเรื่องที่ได้ฟังมา มาบอกเล่าในแบบฉบับของตนเอง
c. การนำเรื่องที่ได้ฟังมา มาบอกเล่าโดยใช้สรรพนามบุรุษที่ 3
d. ถูกทั้งข้อ b. และ c.
2) ข้อใดไม่ใช่ Direct Speech
a. Jack said that “it was his pen.”
b. Jack said, “It is my pen”.
c. “It is my pen.”, said Jack.
d. “It is…”, Jack said, “my pen.”
3) ข้อใดไม่ใช่หลักการใส่เครื่องหมาย Full Stop (.)
a. ใส่ไว้ท้ายประโยค
b. ใส่ไว้ทั้งหน้าและหลังเครื่องหมายคำพูด
c. ใส่ข้างหลังเครื่องหมายคำพูด เมื่อจบประโยค
d. ถูกทั้งข้อ a. และ c.
เฉลย :
1. ( ข้อ a. ) หรือการนำเรื่องที่ได้ฟังมา มาบอกเล่าโดยไม่มีการดัดแปลงคำพูดนั่นเอง
2. ( ข้อ a. ) เพราะเป็นการเอาคำพูดของผู้อื่นที่ตัวเองได้ยินมาเล่าให้คู่สนทนาฟัง โดยดัดแปลงเป็นคำพูดของผู้เล่าอีกทีหนึ่ง
3. ( ข้อ d. ) คือ ถูกทั้งข้อ a. และ c. ส่วนข้อ b. ผิดหลักแกรมม่าร์ครับ