การออกเสียงเชื่อมคำ ในภาษาอังกฤษ

3985

ทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับคนไทย ถึงแม้จะรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายแล้ว ก็ยังอาจฟังฝรั่งหรือชาวต่างชาติพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งๆที่จริงๆแล้ว เมื่อลองแกะคำศัพท์ออกมาทีละคำ มันก็มีเพียงคำศัพท์ที่เรารู้จักอยู่แล้วทั้งนั้น

“หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เราฟังเจ้าของภาษาไม่รู้เรื่องหรือฟังไม่ทัน ” ก็คือ การออกเสียงพูดของพวกเขาจะมีการเชื่อมเสียงเวลาพูด และพูดคำติดกันแบบไม่มีการเว้นวรรคเหมือนเวลาเขียน ทำให้เราฟังผิดเพี้ยนไปโดยไม่รู้ว่า พวกเขาพูดคำว่าอะไร หรือไม่ก็ฟังผิดคิดว่าเป็นคำอื่นไป

.

ดังนั้น เราลองมาดูกันว่า วิธีการพูดหรือออกเสียงแบบเชื่อมคำ ทำให้เสียงพูดที่เราได้ยิน มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใดบ้าง

โดยหลักๆแล้ว เสียงพูดภาษาอังกฤษที่เปลี่ยนไป อันเกิดจากการพูดติดๆกัน จะมีอยู่หลักๆ 2 รูปแบบ

1) การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ

การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ คือ พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดของคำแรก มาเชื่อมเสียงกับสระที่เป็นอักษรตัวแรกของคำถัดมา

ตัวอย่างเช่น
คำว่า Your eyes
เวลาคนไทยเราพูดสองคำนี้ติดกัน มักจะออกเสียงว่า “ยัวอาย”
แต่เวลาเจ้าของภาษาพูดคำง่ายๆแบบนี้ เราอาจจะไม่รู้เรื่องก็ได้ว่า เขาหรือเธอกำลังพูดว่าอะไร เพราะเสียงที่พวกเขา พูดออกมา จะออกเสียงเป็น “ยัวราย”

เหตุผลก็คือ อักษร r ท้ายคำว่า Your มันมาเชื่อมกับเสียงกับอักษร e ตัวแรกของคำว่า eyes
เสียงพูดจึงออกมาเป็น Youreyes = ยัวราย

2) การเชื่อมเสียงสระกับสระ

การเชื่อมเสียงแบบที่สอง คือ สระตัวสุดท้ายของคำแรกเชื่อมกับสระตัวแรกของคำถัดมา

เมื่อสระเชื่อมกันแล้ว เสียงสระที่ต้องมีการห่อปาก มักจะเปลี่ยนเป็นเสียง w

ตัวอย่างเช่นคำว่า ‘too often’ คนไทยอาจจะพูดว่า “ทู ออฟเท่น”

อย่างไรก็ดี เวลาเจ้าของภาษาพูด เสียงสระ o ท้ายคำแรกมาเชื่อมกับเสียงสระ o ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจึงกลายเป็น “ทู วอฟเฟ่น” (เพราะเสียงสระโอเวลาออกเสียงจะห่อปาก)

ส่วนสระที่เวลาออกเสียงมีการเหยียดปากออกด้านข้าง เวลาเชื่อมเสียงกันจะกลายเป็นเสียง y (ย.)
ตัวอย่างเช่นคำว่า ‘Three eggs’

อย่างไรก็ดี เวลาเจ้าของภาษาพูด เสียงสระ e ท้ายคำแรกจะมาเชื่อมกับสระ e ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจึงกลายเป็น “ธรี เย้กส์” เพราะสระอี เวลาออกเสียงจะต้องเหยียดปากออกด้านข้าง

เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะร้องอ๋ออออ….. ขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหม


เพราะครูเชื่อว่า พี่ๆน้องๆหลายคนต้องเคยได้ยินการออกเสียงในลักษณะที่กล่าวมากันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากการพูดของชาวต่างชาติหรือจากการฟังเพลงสากล ดังนั้น ยิ่งเราเข้าใจวิธีการออกเสียงของฝรั่งมากเท่าไหร่ เราก็จะฟังภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ต้องฝึกฟังฝึกสังเกตบ่อยๆนะครับผม

คำถามทดสอบ:


1) เสียงพูดของประโยคที่ว่า “Dreams are illusion.” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. ดรีม-ซา-ริลลูชั่น
b. ดรีมส์-อา-ริลลูชั่น
c. ดรีม-ซา-อิลลูชั่น
d. ผิดทุกข้อ

2) เสียงพูดของคำว่า “turn in” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. เทิน-อิน
b. เทิน-นิน
c. เทิรน-อิน
d. เทิรน-ริน

3) เสียงพูดของวลีที่ว่า “Three eggs a day.” จะออกมาเป็นลักษณะใด
a. ธรี-เอ้ก-อะ-เดย์
b. ธรี-เย้ก-อะ-เดย์
c. ธรี-เย็ก-สะ-เดย์
d. ผิดทุกข้อ

เฉลย
1. (ข้อ a.) เพราะเสียงจะเชื่อมกันตามที่ขีดเส้นใต้นี้ “Dreams are illusion.”
2. (ข้อ d.) เพราะอักษร n ที่เป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของคำแรก ไปเชื่อมเสียงกับสระ i ที่เป็นอักษรตัวแรกของคำที่สอง แต่ก็ยังมีการออกเสียง r ในคำแรกอยู่
3. (ข้อ c.) เพราะเสียงจะเชื่อมกันตามที่ขีดเส้นใต้นี้ “Three eggs a day.”

Share
.