คำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำก็ชวนให้เรามึน เพราะบางครั้งก็เขียนคล้ายกันมากจนสับสนและไม่กล้าที่จะนำมาใช้เพราะอาจจะไม่ถูกต้องจนกลายเป็นอุปสรรคในการใช้ภาษา ดังนั้นวันนี้ได้ลิสต์คำศัพท์ที่นิยมใช้กันบ่อยๆและเราคุ้นตากันอยู่แล้วแต่ทำให้เราสับสนมาฝาก ว่ามันต่างกันตรงไหนบ้าง ใช้อย่างไร
เริ่มกันเลย!
Every day VS Everyday
เป็นคำสองคำที่เราเจอบ่อยๆ แต่ใช้ยังไงนั้น ก็ยังงงและสับสน Everyday เขียนติดกัน กับ Every day ที่เว้นวรรค มันต่างกันตรงไหน แล้วใช้ยังไง
วันนี้เราไขข้อสงสัยกันนะ
เริ่มด้วย
Every day ตัวนี้เป็น Adverb of frequency ที่แปลว่า ทุกๆวัน
Every day มักจะใช้ ขึ้นต้น และท้ายประโยค
ยกตัวอย่าง
- He plays football every day. เขาเล่นฟุตบอลทุกๆวัน
- His father goes to the gym every day. พ่อของเขาไปยิมทุกๆวัน
- Every day, my cats sit by the window. ทุกๆวันแมวของฉันนั่งริมหน้าต่าง
Everyday ตัวนี้เป็น Adjective แปลว่า ทุกวัน เช่นเดียวกับคำว่า Daily
ดังนั้น วางไว้เดี่ยวไม่ได้ ต้องมีนามตามหลังด้วย
ยกตัวอย่าง
- Cycling is my favorite activity and everyday routine. การปั้นจักรยานเป็นกิจกรรมที่ฉันชอบและเป็นกิจวัตรประจำวัน
- You have to practice everyday English speaking if you want to be a flight attendant. ถ้าอยากเป็นแอร์โฮสเตสคุณต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
- The food delivery service is a part of everyday life. การสั่งอาหารออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
Disinterested VS Uninterested
Interested ปกติแล้วแปลว่า น่าสนใจ
พอเพิ่ม Prefix Dis/Un ที่พอเติมเข้าไปหน้าศัพท์คำศัพท์จะมีความหมายเชิงลบ เช่น ไม่ชอบ Dislike ไม่มีความสุข Unhappy
แล้วมันต่างกันยังไง ทำไมต้องมีสองแบบ?
มาดูกัน
Disinterested (Adj.) แปลว่า ไม่เข้าข้าง ไม่เลือกข้าง หรือเป็นกลางนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น
- To be honest, you must be disinterested because you’re a committee. บอกตามตรงว่าคุณต้องเป็นกลางเพราะคุณเป็นคณะกรรมการ
- A good reporter should provide disinterested news. นักข่าวที่ดีควรนำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง
Uninterested (Adj.) แปลว่า ไม่สนใจ
ยกตัวอย่าง
- He was uninterested in sports news. เขาไม่สนใจข่าวกีฬา
- I am uninterested in Math because it’s too difficult. ฉันไม่สนใจในคณิตศาสตร์เพราะว่ามันยากมาก
อย่าลืม ทั้งสองคำเป็น Adjective ดังนั้นต้องวางหลัง Noun หรือ Verb to be + Adjective
Piece VS Peace
เขียนคล้ายกัน ออกเสียงคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกัน
Piece (n.) แปลว่า ชิ้น อัน หรือแปลว่า ผลงานได้อีกด้วย
ยกตัวอย่าง
- I prefer a piece of toast for breakfast. ฉันขอเป็นขนมปังสักชิ้นสำหรับอาหารเช้า
- One piece of the jigsaw is still missing. จิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งยังหาไม่เจอ
- She bought a piece of furniture at the store. หล่อนซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่ร้าน
- This piece in her gallery is very fantastic. ผลงานชิ้นนี้ในแกลลอรี่ของหล่อนน่าอัศจรรย์มาก
Peace (n.) แปลว่า สงบ สันติ
ยกตัวอย่าง
- There was a peace of 40 years before war broke out again. 40 ปีก่อนที่แห่งนี้มีความสงบสุขก่อนที่จะเกิดสงครามขึ้นอีกครั้ง
- He dedicated his life to peace. เค้าอุทิศชีวิตเพื่อความสงบสุข
- Nothing’s as important as peace.ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสงบสุข