สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ครูณิชาจะแนะนำ ชักชวนให้ทุกคนมารู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Standard Verb Patterns ของคุณ A. S. Hornby ค่ะ ก่อนจะมาทำความรู้จักกับ Standard Verb Patterns เนี่ย เรามาทำความรู้จักกับคุณ Hornby ก่อนค่ะ
ประวัติโดยสังเขป (มาก ๆ) ของ A. S. Hornby
(his friends called “Ash” — เพื่อนของเขาเรียกแอชนะคะตอนสมัยเรียน)
คุณ Albert Sydney Hornby ได้สำเร็จการศึกษาด้านภาษาอังกฤษโดยตรง จาก University College ที่เมืองลอนดอนในประเทศอังกฤษค่ะ พอเรียนจบก็ได้ระหกระเหินไปทำงานสอนภาษาอังกฤษถึงประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าการสอนที่ประเทศญี่ปุ่นอันเป็นดินแดนชาตินิยมเนี่ย สอนยากมาก ๆ ค่ะ แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้คุณ Hornby (หรือ A. S. Hornby) มีความคิดริเริ่มในการทำเล่มรวมคำศัพท์ (Dictionary) และความเก่งกาจอันโดดเด่นเต็มไปด้วยพรสวรรค์ของเขา (แหมครูณิชาอวยซะสั้น ๆ คือ gifted and skilled ค่ะ) หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปีเขาก็ได้ถูกชักชวนโดย Harold E. Palmer ผู้บริหารของสถาบันเพื่อการวิจัยการสอนภาษาอังกฤษแห่งโตเกียว เขาจึงได้มีส่วนร่วมในการทำวิจัยรวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และหลังจากนั้น 5 ปี คุณ Hornby ก็ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น head of research (หัวหน้าฝ่ายการวิจับ) แห่งสถาบันแห่งนี้ค่ะ
ในระหว่างที่เขาทำงานร่วมกับ Palmer เนี่ย เขาได้มีการรวบรวมโครงสร้างประโยค คำศัพท์ การใช้คำศัพท์ ต่าง ๆ ซึ่งภายหลังได้มีการรวบรวมออกมาเป็นเล่ม Idiomatic and Syntactic English Dictionary (ISED, 1942) และมีการปรับปรุงแก้ไขต่อมาจนกลายเป็น Oxford Advanced Learner’s Dictionary (OALD) ที่ครูณิชาใช้อ้างอิง ตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และการใช้คำอยู่ทุกวันนี้ และได้รับการยกย่องจากผู้คนมากมายค่ะ (จริง ๆ เรียกได้ว่าเป็น Dictionary ที่ครูณิชามองว่าการให้ความหมาย ตัวอย่างการใช้ชัดเจนเข้าใจง่าย เหมาะกับนักเรียน หรือครูผู้สอนทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ)
ทำความรู้จักกับ Standard Verb Patterns
หนึ่งในผลงานที่ทรงคุณค่าที่สุดคือการทำให้พวกเราได้รู้ว่า แม้ว่าภาษาอังกฤษจะดิ้นได้ก็ตาม แต่ภาษาก็มีรูปแบบ (Patterns) ที่ค่อนข้างชัดเจนตายตัว เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานรูปแบบของการใช้ได้เลย
Standard Verbs Patterns ของคุณ Hornby ถูกรวบรวมไว้ในระยะเวลาที่เขาได้ทำงานที่สถาบันวิจัยและมีการสรุปออกมาได้เป็น 52 รูปแบบ โดยครูณิชาสำรวจตรวจสอบมากว่า 3 ปีแล้วยังไม่เจอโครงสร้างที่หลุดจากรูปแบบที่เขาได้รวบรวมไว้เลยค่ะ แต่บทความนี้ ครูจะยกตัวอย่างรูปแบบที่น่าสนใจมาให้พวกเราได้ติดตามกันนะคะ จิบน้ำซักนิด เตรียมสมุดปากกา พร้อมแล้วไปอ่านต่อกันเลยยยย
ครูณิชาขออนุญาตแบ่งให้เข้าใจง่าย ๆ ให้เหลือเพียง — กลุ่มหลัก ๆ นะคะ (เลือกมาจากทั้งหมดแล้วมาสรุป จำแนกประเภทอีกที)
คำย่อ
คำศัพท์ที่ใช้ในการระบุ Patterns
vi = intransitive verb = กริยาไม่ต้องการกรรม
(อกรรมกริยา)
vt = transitive verb = กริยาต้องการกรรม
(สกรรมกริยา)
subject complement = ส่วนขยายประธาน
(คำ หรือ วลีที่ทำให้ประธานของประโยคชัดเจนขึ้น)
adjunct = วลีวิเศษณ์ คำหรือกลุ่มคำที่ทำหน้าที่ขยายกริยา
ประโยค ส่วนหนึ่งส่วนใดในประโยคให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
DO = direct object = กรรมตรงเป็นผู้รองรับการกระทำในประโยคนั้นโดยตรง
IO = indirect object = กรรมรองเป็นผู้ได้รับผลหรือผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการกระทำนั้น
ๆ ในประโยค
(ครูณิชาให้จำง่าย ๆ ไว้ก่อนว่า กรรมตรงเป็นของ กรรมรองเป็นคน)
กลุ่ม A1
: S + v. to be + subject complement/adjunct
ตัวอย่าง :
She is a doctor. (หล่อนเป็นคุณหมอ
คุณหมอขยายความชัดเจนให้ประธาน)
He is rich. (เขารวย รวยขยายเขา)
This is where I work. (นี่คือที่ที่ฉันทำงาน
where I work เป็นตัวขยาย
นี่ ที่ทำหน้าที่ประธาน)
กลุ่ม A2 : S + v. to be + to-infinitive
v. to be + to-infinitive นี้มักใช้กับกรณีที่เป็นทางการ (official orders/arrangements)
All students are to take a written exam. (นักเรียนทุกคนต้องสอบข้อเขียน)
ใช้กับสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จ
What am I to do? (ฉันต้องทำอะไร — มีความหมายว่ามีอะไรที่ฉันต้องทำให้เสร็จ)
ใช้กับความเป็นไปได้ในอนาคต
if you are to work here more than three months, you must have a residence permit.
(หากคุณจะทำงานที่นี่เป็นเวลามากกว่าสามเดือน คุณจะต้องมีใบอนุญาตพักอาศัย)
ใช้กับข้อห้าม (not to-infinitive)
You are not to do that again. (เธอห้ามทำมันอีกนะ)
กลุ่ม B : S + vi + …
กลุ่ม B – C ค่อนข้างมีเยอะครูณิชาจะยกตัวอย่างมาบางส่วนนะคะ
ตัวอย่าง :
[+ to-infinitive]
Jason awoke to find the house on fire.
เจสันตื่นขึ้นมาพบว่าบ้าน(กำลัง)ไฟไหม้
He agreed to come at once.
เขาตกลงจะมาในทันที
[+ adjective/noun/pronoun]
She married young.
หล่อนแต่งงานตั้งแต่สาว
Marcus died young.
มาคัสเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (ตายตั้งแต่ยังเด็ก)
Oliver walked me home last night.
โอลิเวอร์เดินไปส่งฉันที่บ้านเมื่อคืนนี้
[+ (preposition (+ it)) + clause]
Have you decided (on) what to do next?
คุณได้ตัดสินใจแล้วยังว่าจะทำอะไรต่อไป
ตรงนี้หมายถึงหากต้องการเชื่อมด้วย clause สามารถละ preposition ที่ต้องใช้คู่กับกริยาได้
กลุ่ม C : S + vt + …
ตัวอย่าง :
[ + noun/pronoun]
Everyone likes her.
ทุกคนชอบหล่อน
I eat rice.
ฉันกินข้าว
[+ dependent clause/question]
Does anyone know when it happened?
มีใครรู้บ้างว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด
[+ IO + DO] / [+ DO + to/for + IO]
I bought my daughter a big teddy bear.
ฉันซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ลูกสาวฉัน หรืออีกโครงสร้าง
I bought a big teddy bear for my daughter.
ฉันซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้ลูกสาวฉัน (ความหมายเหมมือนกัน)
[+ noun/pronoun + present participle]
They left me waiting outside.
พวกเขาทิ้งฉันให้รออยู่ด้านนอก
I can smell something burning.
ฉันได้กลิ่นอะไรกำลังไหม้อยู่นะ
[+ noun/pronoun + adjective/noun/past participle]
They painted the wall green.
พวกเขาทาสีกำแพงเป็นสีแดง
He named his son Richard.
เขาตั้งชื่อลูกชายเขาว่าริชาร์ด
I want this project finished before 3:30 pm.
ฉันต้องการให้โปรเจ็คนี้แล้วเสร็จก่อนบ่ายสามครึ่ง
กลุ่ม D1
: S + seem/appear + (to be) + adjective/noun
It now appears likely that the school will be closed down.
ประโยคกลุ่มนี้แปลทุกคำจะลำบากค่ะ (appear
= ปรากฎ ซึ่งในประโยคนี้จะแปลคล้าย seem)
(มัน)ดูเหมือนว่าโรงเรียนแห่งนี้จะปิดตัวลง
There appears unlikely that interest rates will fall further.
เหมือนจะไม่ปรากฏว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอีกนะ
He seemed to be surprised at the news.
เขาแลดูประหลาดใจกับข่าวนะ
กลุ่ม D2 : S + seem/appear/happen/chance + to-infinitive
ตัวอย่าง :
happen/chance ใช้กับเหตุการณ์ที่อาจจะบังเอิญเกิดขึ้น
She happened to be out when we called.
ปรากฏว่าเธอออกไปก่อนแล้วตอนที่โทรหา หรือ
เธอบังเอิญออกไปก่อนตอนที่เราโทรหา
This happens to be my favourite restaurant.
นี่จะต้องเป็นภัตตาคารที่โปรดของฉันอีกแห่งแน่
(เพิ่งพบเจอว่ามีร้านอร่อย ๆ แบบนี้ด้วย)
They chanced to be staying at the same hotel.
พวกเขาบังเอิญได้พักที่โรงแรมเดียวกันตอนนั้น
กลุ่ม D3 : S + have/get + DO + past participle
ตัวอย่าง :
เป็นโครงสร้างที่ระบุว่าเราให้คนอื่นทำบางสิ่งให้
I have my car fixed.
ฉันนำรถไปซ่อม (ให้คนอื่นซ่อมไม่ได้ซ่อมเอง
I had this letter translated.
ฉันได้รับการแปลจดหมายนี้แล้ว (ได้รับจดหมายนี้ที่แปลให้โดยคนอื่น)
กลุ่ม D4
: S + need/want/bear + gerund
My little cats need looking after.
ลูกแมวเหมียวของฉันต้องการการดูแล
This house needs repairing.
บ้านหลังนี้ต้องการการซ่อมแซม
เป็นอย่างไรบ้างคะกับตัวอย่าง Standard Verb Patterns ที่ครูณิชายกตัวอย่าง “บางส่วน” มาให้อ่านกัน ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วล่ะก็จะพบว่าการเรียนภาษาอังกฤษ ลดลงไปเกือบครึ่งนึงเลยค่ะ เพราะโครงสร้างที่เราพบเจอก็ประมาณนี้จริง ๆ เพื่อเป็นการทดสอบว่าเราเข้าใจดี ลองบอกครูณิชาสิคะว่า He was born poor. ประโยคนี้ถูกต้องหรือไม่….
กริ๊งงงง เฉลย! ถูกต้องแล้วค่ะ He was born poor. เขาเกิดมาจน เป็นโครงสร้าง S + VI + Adjective. นั่นเองค่ะ
วันนี้ครูณิชาขอตัวไปก่อนนะคะ หากมีคำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษปรึกษา Engnow.in.th