หลักการใช้ภาษาอังกฤษเมื่อต้องอธิบายถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นหรือเรื่องในอนาคต จะมีการใช้ Sentense อย่างไรบ้างมาดูกันเลย พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริง
วิธีที่ 1: Future Simple (S + will + V.inf.)
– ใช้พูดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น 50%
– ใช้พูดถึงสิ่งที่จะทำทั่ว ๆ ไป ไม่ลงรายละเอียดลึก
– ใช้พูดถึงความตั้งใจที่จะทำในทันทีไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น มีคนเคาะประตู แล้วเราพูดขึ้นว่า I will open the door. ฉันจะเปิดประตู ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่จะทำทันทีเดี๋ยวนั้น
Ex. If you will wait in the room, I will be with you. (ถ้าคุณจะรออยู่ในห้อง ฉันจะอยู่กับคุณ)
วิธีที่ 2: S + is/am/are + going to + V.inf.
– ใช้พูดถึงอนาคตที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น 70% – 80%
– ใช้พูดถึงเรื่องที่มีเค้าลางว่าจะเกิดขึ้น เช่น เมื่อเห็นฟ้ามืดครึ้มมีเค้าว่าฝนจะตก จึงพูดว่า It’s going to rain. (ฝนกำลังจะตก)
Ex. I’m going to study English next month. (ฉันจะเรียนภาษาอังกฤษเดือนหน้า)
ข้อควรระวัง : ดูตามโครงสร้างอาจสับสนว่าโครงสร้างนี้เป็น Continuous Tense แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะนี่คือ Future ในอีกรูปแบบหนึ่ง
วิธีที่ 3: Present Continuous (S + is/am/are + V.ing)
– ใช้พูดถึงอนาคตที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น 85%
– ใช้พูดถึงเรื่องที่วางแผนไว้แล้ว
Ex. I’m visiting Nan next month. (ฉันจะไปน่านเดือนหน้า) นั่นหมายความว่าวางแผนและซื้อตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว
Ex. I’m shopping with Jane this weekend. (ฉันจะไปชอปปิ้งกับเจนสุดสัปดาห์นี้) วางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะไป
อย่างไรก็ตามแม้จะวางแผนไว้แล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าเกิดขึ้น 100% เนื่องจากอาจมีการผิดแผนได้หรือยกเลิกได้
ข้อสังเกต : ความแตกต่างระหว่างวิธีที่ 3 Present Continuous กับวิธีที่ 2 S + is/am/are + going to + V.inf. คือวิธีที่ 2 จะต้องใช้ going to ส่วนวิธีที่ 3 จะใช้ V.ing อะไรก็ได้
วิธีที่ 4: Present Simple (S + V.1 (s/es))
– ใช้พูดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ 100% มันเป็นพวกตารางเวลา (Time Table/Schedule)
Ex. The last train leaves at 10 pm today. (วันนี้รถไฟเดียวสุดท้ายออกตอนสี่ทุ่ม)
Ex. The restaurant opens at 5 pm. (ร้านอาหารเปิดตอนห้าโมงเย็น)