ส่วนใหญ่แล้ว เพื่อนๆ จะใช้ Question Tag กันเมื่อต้องการตรวจสอบหรือยืนยันว่าข้อมูลที่เรามีอยู่หรือกำลังพูดออกไปนั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
โดย Question Tag ที่อยู่ท้ายประโยคจะใช้เสียงต่ำลง (ต่างจากประโยคคำถามทั่วๆ ไปในภาษาอังกฤษที่เสียงจะสูงขึ้น) เหมือนเวลาที่เราพูดภาษาไทยแล้ว เราพูดอะไรบางอย่างออกไปแล้วเราเริ่มไม่แน่ใจ เลยปิดท้ายคำพูดของเราด้วยประโยคอย่าง “ใช่ไหมอ่ะ” หรือ “ถูกไหมอ่ะ” นั่นเอง
ในอีกกรณีหนึ่งของการใช้ Question Tag คือการที่ผู้พูดขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ฟัง ซึ่งเสียงที่ท้ายประโยคจะสูงขึ้นเหมือนประโยคคำถามทั่วๆ ไปนั่นเอง
- ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเรากลับมาบ้านแล้วไม่เจอคุณพ่อเพราะท่านต้องไปทำงานที่เชียงใหม่ ซึ่งท่านก็บอกเราไว้แล้ว แต่เราอยากถามเพื่อความแน่ใจ ก็อาจจะถามพี่ๆ น้องๆ ของเรา หรือคุณแม่ได้ว่า
- Is dad working in Chiang Mai this week, isn’t he?
หรือถ้าเราอยากจะถามเพื่อนให้แน่ใจว่า ตกลงวันศุกร์นี้เรามีประชุมกับหัวหน้าแน่ๆ ตามที่นัดกันไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็สามารถถามได้ว่า
- Will we have the meeting with the boss on Friday, won’t we?
- ซึ่งการตอบก็สามารถตอบได้ด้วย yes หรือ no
สำหรับโครงสร้างประโยคของ Question Tag ก็คือ ประธานตามด้วยกริยาช่วยและกรรม แล้วใช้ comma (,) ขั้นกลางระหว่างประโยคหลักกับ Question Tag แล้วใส่กริยาช่วยในรูปที่ตรงข้ามกับกริยาช่วยหลักในประโยค แล้วตามด้วยประธาน อย่างด้านล่างนี้
- Subject + Helping Verb + Object , Opposite Helping Verb + Subject?
ตัวอย่างเช่น
- You live in Bangkok, don’t you? (คุณพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ใช่ไหม)
- You don’t live in Bangkok, do you? (คุณไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ใช่ไหม)