สวัสดีค่าเดือนที่ 7 แล้วจ้า ใครที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเก่งอังกฤษให้ได้ภายในปีนี้หรือภายในปีหน้าบ้าง… วันนี้ครูณิชาเขียนบทความดี ๆ สำหรับการตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษามาฝากกันค่ะ
หากใครต้องการจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษหรือต้องการเร่งเครื่องเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษให้ถึงเป้าหมายไว ๆ แล้วละก็ มาเริ่มทำตามวิธีที่ครูณิชาแนะนำกันเลยยยย
จดระดับภาษาอังกฤษในปัจจุบันของเราไว้
เราจะต้องเสียเวลาในการทำข้อสอบวัดระดับหน่อยแต่รับรองค่ะว่าดีแน่นอน จะได้ไม่เสียเวลาไปเสาะหาหนังสือที่ไม่เหมาะกับความต้องการของเรา หรือสูงกว่าระดับของเราให้ทนทุกข์ทรมาณกับการเรียนภาษาอังกฤษ โดยครูณิชาก็นำมาแนะนำให้ในบทความนี้แล้ว และเป็นเว็บไซต์ที่เป็นทางการของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ด้วยค่ะ มีภาษาอังกฤษในหลาย ๆ หมวดให้เราเลือกสอบนะคะ ไม่ว่าจะเป็น สำหรับนักเรียน (For schools), สำหรับธุรกิจ (Business English), สำหรับเด็ก (Young learners), หรือทั่ว ๆ ไป (General English) ค่ะ
คลิ๊กเลยค่า >>> Test your English level <<<
ระดับภาษาอังกฤษที่เป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปจะเรียกว่า CEFR (Common European Framework of References for Languages) ก็คือเป็นมาตรฐานอ้างอิงในการใช้ภาษาอังกฤษต่าง ๆ สำหรับภาษาอังกฤษจะเริ่มจากเลเวล
A1: สามารถเข้าใจคำศัพท์ง่าย ๆ ประโยคง่าย ๆ ได้เท่านั้น (Hello, Good morning, How are you? เป็นต้น)
A2: สามารถเข้าใจประโยคพื้นฐานที่พบบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างหลากหลาย มีความเข้าใจและสื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ความต้องการของตนเองได้
B1: สามารถเข้าใจสาระสำคัญต่าง ๆ ที่สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ และบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน ที่บ้าน เป็นต้น (เรียกได้ว่า พูดถึงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเริ่มได้แล้วนั่นเองค่ะ)
B2: สามารถอ่านบทความภาษาอังกฤษ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ และฟังบทสนทนาต่าง ๆ รวมถึงรายการต่าง ๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษได้ และจับใจความสำคัญได้
C1: เข้าใจประโยคสื่อสารต่าง ๆ ได้อย่างง่ายได้ และสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว สื่อสารได้ในหลาย ๆสถานการณ์ (หรือแทบทุกสถานการณ์) โดยไม่ต้องนึกหรือใช้ความพยายามมาก สามารถเข้าใจบทความวิชาการต่าง ๆ หรือบทความที่มีความซับซ้อน หรือโครงสร้างประโยคที่มีความซับซ้อนได้
C2: คุณใช้ภาษาเก่งมากดุจดั่งเจ้าของภาษาอังกฤษ และระดับนี้เป็นระดับภาษาอังกฤษที่สูงที่สุด คุณจะสามารถเข้าใจทุกอย่าง สื่อสารได้ทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว รวมถึงเขียน เรียบเรียง เอกสารภาษาอังกฤษต่าง ๆ รวมถึงทักษะต่าง ๆ ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วมาก ๆ
จดระดับภาษาอังกฤษที่เป็นเป้าหมาย
เมื่อเราทราบระดับภาษาอังกฤษของตนเองแล้วเราก็จะมาจดเป้าหมายภาษาอังกฤษของตนเองและกำหนดกรอบเวลาในการฝึกฝนเรียนรู้ไว้ด้วย เพื่อทำให้ป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษของเราให้จับต้องได้ยิ่งขึ้น จะได้ขอบข่ายในการฝึกฝนว่าระดับใด ไม่สะเปะสะปะ บางคนฝึกสลับไปสลับมา ยากบ้างง่ายบ้าง สุดท้ายภาษาอังกฤษอยู่ระดับเดิม ครูณิชาบอกเลยว่าการวางแผนเป้าหมายของเราเป็นเลเวล เช่น ปัจจุบันได้ A2 ต้องการไป B1 แบบนี้จะทำให้หาหนังสือตำราง่ายด้วยค่ะ เพราะหนังสือตำราเรียนภาษาอังกฤษค่ายดัง ๆ จะมี CEFR Level อยู่ตรงหน้าปกค่ะ จะทำให้ผู้เรียนรู้สึกตึง ๆ ท้าทายพอดี ๆ ค่ะ ไม่ยากเกินไป ไม่ง่ายเกินไป (อย่าตั้งเป้ามายข้ามมากเกินไปนะคะ A2 ไป B2 เนี่ย ถ้ากรอบเวลายาวหน่อยก็เป็นไปได้ค่ะ เพราะระดับ B2 ต้องรู้คำศัพท์หลายพันคำอยู่ค่ะ)
วางแผนและลำดับความสำคัญ
หากเรียนหลายภาษาพร้อม ๆ กัน ก็แนะนำให้ลำดับความสำคัญในการเรียนภาษาใดภาษาหนึ่งมาก่อน และแบ่งเวลาให้ชัดเจน ไม่มั่วตารางเวลาค่ะ การเรียนสลับไปสลับมาก็จะทำให้งง หลงลืมได้ง่ายค่ะ ส่วนใครที่เรียน หรือทำงานอยู่ต้องมีการวางแผนความสำคัญว่าจะทำอะไรบ้าง ทักษะอะไรบ้าง สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญในการก้าวไปถึงระดับภาษาอังกฤษที่ต้องการค่ะ ถ้าเราไม่จัดลำดับความสำคัญหรือจัดตารางเวลาให้ชัดเจน เราจะเจอปีศาจความเกียจคร้านแล่นงานเอาได้นะคะ เดี๋ยวก่อนนนน เดี๋ยวค่อยทำ อันนี้ครูณิชารู้ดีค่ะ ฆ่าไปหลายตัวแล้ว ฮือออออออ
วางแผนการเรียนในปีถัด ๆ ไป
สุดท้ายถ้าใครเริ่มจากเลเวล A1-A2 แล้วอยากจะไปถึง B2 หรือ C1 ก็อาจจะมีการ plan แผนการเรียนรู้ไว้ระยะยาวด้วยว่าปีต่อ ๆ ไปจะทำอะไร การวางแผนที่ดี ควรเขียน ติด แปะ ปะ ไว้ในที่ที่เห็นได้ง่ายนะคะ ตื่นมาจะได้เห็นทุก ๆ วันว่าเราจะทำ แล้วจะทำต่อ ๆ ไป จนกว่าจะถึงเป้าหมายค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะแผนการเรียนภาษาอังกฤษในยุคที่ชีวิตไม่ได้ง่ายเท่าไหร่เลย แต่ไม่เป็นไรนะคะ Engnow.in.th มีบทความให้อ่านและฝึกภาษาอังกฤษตลอดทั้งปี และปีต่อ ๆ ไป และที่ inbox แฟนเพจก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการเรียนภาษาอังกฤษตลอดเวลาค่ะ
หากใครสนใจรับ ebook ดี ๆ สามารถกรอกแบบฟอร์มที่ปรากฎอยู่ที่หน้าจอของคุณได้เลยจ้า
