หากใครบอกว่า “ภาษาอังกฤษยากเกินไปสำหรับคนไทย เพราะไม่ใช่ภาษาประจำชาติ”
เราขอบอกให้ทราบไว้ว่า คนไทยเรายังโชคดีกว่าคนจีนเยอะ เมื่อพูดถึงการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
การเรียนภาษาอังกฤษสำหรับชาวจีนนั้น ถือเป็นเรื่องยากมาก ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น
1) ตัวอักษร
ตัวอักษรภาษาไทยเรานั้น (ต้องขอบคุณพ่อขุนรามคำแหง) สามารถเขียนเป็นคำอ่านภาษาอังกฤษได้ทุกคำ
ส่วนภาษาจีนนั้น ตัวอักษรของพวกเขาเป็นระบบโลจิคัลในเชิงสัญลักษณ์ ทำให้ชาวจีนมีปัญหาในการอ่านข้อความภาษาอังกฤษและเรียนรู้วิธีการสะกดคำให้ถูกต้อง
2) การออกเสียง
ระบบการออกเสียงในภาษาอังกฤษ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของชาวจีนที่พยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษเช่นกัน เพราะเสียงตัวสะกดบางอย่าง ไม่เคยมีอยู่ในภาษาจีนมาก่อน
ภาษาอังกฤษมีเสียงสระมากกว่าภาษาจีน ส่งผลให้ชาวจีนมักออกเสียงคำผิด โดยเฉพาะคำควบกล้ำ
ด้วยระบบการออกเสียงที่ไม่ครอบคลุมในภาษาจีน จึงทำให้แม้แต่คำง่ายๆ อย่างคำว่า Hello ออกเสียงยากสำหรับชาวจีน
(หากใครเคยไปประเทศจีน อาจจะได้ยินคนจีนออกเสียงคำว่า Hello เป็น Hallo อยู่บ่อยๆ)
ส่วนภาษาไทยเรานั้น ไม่เพียงจะสามารถเลียนเสียงภาษาอังกฤษได้ครบหมดทุกเสียง แต่ยังสามารถออกเสียงอื่นๆ ที่ไม่มีอยู่ในคำศัพท์ใดๆ ของภาษาอังกฤษได้อีกด้วย
3) ความหมายของคำศัพท์
ภาษาไทยเราสามารถแปลจากภาษาอังกฤษได้อย่างตรงความหมายเป็นคำๆไป ได้เกือบทุกคำ ยกเว้นไม่กี่คำเท่านั้น (ตัวอย่างเช่น คำว่า ‘เกรงใจ’ หรือคำว่า ‘หมั่นไส้’ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการอธิบายความหมายเป็นประโยคยาวๆ ให้เจ้าของภาษาได้เข้าใจ)
ส่วนในภาษาจีนนั้น มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษจำนวนมากที่ไม่สามารถเขียนคำแปลออกมาได้อย่างตรงความหมายแบบคำต่อคำ แต่จำเป็นต้องอาศัยการบอกบริบทของคำนั้น เพื่อที่จะให้เขียนคำแปลเป็นภาษาจีนออกมาได้อย่างถูกต้อง เพราะคำๆหนึ่งในภาษาจีน มักจะมีหลายความหมาย ทำให้พวกเขาต้องประสบปัญหาในการท่องศัพท์อย่างมาก
เรื่องที่ยากเหมือนกันทั้งไทยและจีน
เรื่องเดียวในภาษาอังกฤษที่ยากต่อการเรียนรู้และฝึกฝนให้ชำนาญ ทั้งสำหรับชาวจีนและชาวไทยเรา คือ เรื่องของ ‘เทนส์’ (Tense) หรือโครงสร้างประโยคของแต่ละกาลเวลา (Past Tense, Present Tense, Future Tense) และกริยา 3 ช่อง