3 ขั้นตอนการเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ

1780

1. หาหนังสือฉบับแปล ที่ตัวเองชอบอ่าน

ในบรรดาหนังสือแปลทั้งหมด บนชั้นวางในร้านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นแนวพัฒนาตนเอง การทำธุรกิจ การเงิน เทคโนโลยี เครื่องยนต์กลไกต่างๆ บทกวี นวนิยาย ฯลฯ ต้องมีสักเล่มหนึ่งหรือสองเล่มล่ะครับ ที่คุณรู้สึกว่าน่าอ่าน หรือลองเปิดอ่านแล้วรู้สึกชอบ

.

หยิบหนังสือเล่มนั้นแล้วซื้อกลับบ้านไปเลยครับ!

ซื้อไปอ่านให้จบ และหากคุณชอบหนังสือเล่มนั้นจริงๆ คุณควรไปหาซื้อหนังสือต้นฉบับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาเก็บไว้ด้วย ส่วนจะเก็บไว้เพื่ออะไรนั้น ลองอ่านต่อไปจนถึงข้อที่ 3 นะครับ

2. หาร้านหนังสือมือสอง

หนังสือพ้อกเก็ตบุ้คส์ภาษาอังกฤษตามร้านหนังสือต่างประเทศทั่วไปนั้น มักจะมีราคาแพง เฉลี่ยแล้วเล่มละหลายร้อยบาท หากคุณอยากประหยัดงบ ผมขอแนะนำให้ไปหาซื้อจากร้านหนังสือต่างประเทศมือสอง ซึ่งมีอยู่หลายร้านด้วยกัน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เช่น ย่านตรอกข้าวสาร ถนนสุขุมวิท ย่านสีลม ห้างฟอร์จูน ฯลฯ

ส่วนในต่างจังหวัด คุณก็สามารถหาซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมือสอง ในย่านที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ส่วนใหญ่แล้ว ร้านหนังสือต่างประเทศมือสอง มักจะเป็นร้านเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือมากมาย และมักจะไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่คุณสามารถค้นหาร้านหนังสือเหล่านั้นได้ด้วยการเสิร์ชกูเกิ้ลนั่นเอง

ถึงแม้จะหายากอยู่สักหน่อย แต่ราคานั้นแสนจะคุ้ม เพราะราคาถูกกว่าหนังสือมือหนึ่งประมาณ 70 – 80% เลยทีเดียว

ตัวอย่างเช่น

หากราคาหนังสือภาษาอังกฤษมือหนึ่ง อยู่ที่เล่มละ 700 บาท ราคาหนังสือมือสองของเล่มดังกล่าว จะอยู่ที่ประมาณเพียงร้อยกว่าบาทต้นๆ เท่านั้น (แค่นี้พวกเขาก็ได้กำไรเยอะแล้วครับ เพราะพวกเขารับซื้อต่อมาในราคาเพียงเล่มละประมาณ 5% ของราคาปก)

3. จำเนื้อหาจากหนังสือแปลให้ได้ทั้งหมด

หลังจากหาซื้อหนังสือที่คุณชอบมาได้ทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ ฉบับแปลภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษแล้ว ให้คุณอ่านและจำเนื้อหาจากหนังสือฉบับแปลให้ได้ทั้งหมดอีกรอบ

จากนั้น ให้ทดลองอ่านฉบับภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้น แล้วคุณจะค้นพบว่า คุณสามารถแปลเนื้อหาภาษาอังกฤษได้ ไม่มากก็น้อย โดยการจำคำแปลมาจากฉบับภาษาไทยนั่นเอง

วิธีการทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ จะค่อยๆช่วยให้คุณรู้สึกชอบอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากขึ้นๆเรื่อยๆ และได้เรียนรู้คำศัพท์มากมายไปในตัวด้วยครับ

Share
.