การแสดงความเป็นเจ้าของในภาษาอังกฤษก็มีให้เลือกใช้ได้หลากหลาย แต่เวลาที่เราอยากพูดว่าใครเป็นเจ้าของอะไร ก็มักจะนึกถึง apostrophe s (‘s) ก่อนเสมอ เราจะมาดูกันว่าการแสดงความเป็นเจ้าของจะพูดอย่างไรได้บ้าง
1. การใช้ apostrophe s (‘s) หลักการใช้ apostrophe s คือ ให้นำไปห้อยท้ายไว้หลังคำนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ รูปแบบจะเป็นแบบนี้ noun’s noun
จำง่ายๆ ว่า นามที่อยู่หลัง apostrophe s จะตกเป็นของนามที่อยู่หน้า apostrophe s ทันที เช่น
My father’s car รถของพ่อ
A girl’s shoes รองเท้าของเด็กผู้หญิง
(ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะแปลจากหลังมาหน้านั่นเอง!! เพราะบางคำอาจเกิดความสับสน เช่น my sister’s friend แปลว่า เพื่อนของน้องสาวฉัน ไม่ใช่ น้องสาวของเพื่อนฉัน ถ้าน้องสาวของเพื่อนต้องเขียนว่า my friend’s sister)
แล้วถ้านามนั้นมี s ต่อท้ายที่แสดงความเป็นพหูพจน์อยู่แล้วล่ะ? วิธีการก็คือให้เติม apostrophe เข้าไปได้เลยค่ะ ไม่ต้องใส่ s เข้าไปอีกตัวก็ได้ เช่น
- The students’ activity / Babies’ dress
หรือถ้าเป็นชื่อคน หรือครอบครัวที่มีตัว s ลงท้ายก็เติม apostrophe เข้าไปได้เลยเหมือนกัน เช่น
- The Simpsons’ car รถของพวกตระกูลซิมป์สัน
- James’ wallet กระเป๋าสตางค์ของเจมส์
นอกจากนี้ apostrophe s ยังใช้เติมหลังคำนามแสดงเวลาด้วย เช่น
- today’s news ข่าวของวันนี้
- New Year’s Day วันปีใหม่
2. การใช้ of ปกติเราจะใช้แสดงความเป็นเจ้าของให้กับคำนามที่เป็นสิ่งไม่มีชีวิตรูปแบบการเขียนก็คือ noun of noun เช่น
- The lawn of the house สนามหญ้าของบ้าน
- Doors of opportunity ประตูแห่งโอกาส
** จะเห็นว่า นามหน้า of จะเป็นของหรือเป็นส่วนหนึ่งของนามหลัง of หรือพูดง่ายๆ ก็คือ แปลเรียงจากหน้ามาหลังนั่นเอง
แต่!! ก็ใช่ว่า of จะใช้กับสิ่งมีชีวิตไม่ได้ of เราสามารถนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิตได้กรณีที่เราต้องการเน้นย้ำถึงความเป็นเจ้าของของคนๆ นั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะเอาไปเขียนเป็นชื่อเรื่อง ชื่อหนัง ชื่อเพลง เป็นต้น เช่น
- Kiss of the Spider Woman จุมพิตของนางแมงมุมสาว
- Love of the Loved รักของคนที่ถูกรัก
- Love of a mother ความรักของแม่
การแสดงความเจ้าเป็นของในภาษาอังกฤษยังไม่หมดเท่านี้ จะใช้คำอะไรมาแสดงความเป็นเจ้าของได้อีก ติดตามต่อได้อีกใน Part 2