แต่ก่อน Tell มีความหมายว่า นับ โดยในปัจจุบันยังใช้คำว่า Tell อยู่ เช่น all told แปลว่า เมื่อนับทั้งหมดแล้ว เช่น
- There were ten of us, all told, who went on the vacation. คนที่ลาพักร้อนเมื่อนับแล้วมีจำนวนทั้งหมด 10 คน
ความหมายของ Tell ในปัจจุบัน คือ บอก / เล่าเรื่อง / บรรยาย / พูดคุยกันแค่สองคนหรือตั้งแต่สองคนขึ้นไป ต้องการ กรรมรอง (Indirect object) หรือ กรรมตรง (Direct object) โครงสร้างของ Tell มีดังนี้
1.Tell + someone (+ something) หมายถึง ใช้ในการให้ข้อมูลแก่ใครบางคนด้วยการพูดหรือเขียน เช่น
Nobody told Ken about the meeting. ไม่มีใครบอกเคนเรื่องประชุม
Tell me your wish. บอกความปรารถนาของเธอมา
2. Tell + someone (+ something) หมายถึง สั่งสอน ให้ความรู้ บอกให้รู้ แจ้งให้ทราบ เช่น
My boss told me that it was my last chance. หัวหน้าบอกว่า มันเป็นโอกาสสุดท้ายของฉันแล้ว
Don’t tell him. อย่าไปบอกเขานะ
3. Tell + someone + to do something ใช้เพื่อบอกบางคนให้ทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น
My mother always tells me to study harder. แม่บอกฉันเสมอว่าให้ตั้งอกตั้งใจเรียนมาก ๆ
My mother told me to clean the bedroom. แม่ของฉันบอกให้ฉันทำความสะอาดห้องนอน
4. Tell + someone + about something ใช้เมื่อต้องการบอกบางคนเกี่ยวกับบางสิ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้คน เช่น
She told us about her profile. เธอบอกพวกเราเกี่ยวกับประวัติของเธอ
5. Tell + (joke/story/lie/truth) เรามาสามารถใช้ tell กับคำตลก เรื่องราว คำโกหก หรือความจริง เช่น
She told a lie. หล่อนพูดโกหก
To tell the story. เพื่อบอกเรื่องราว
6. ใช้ใน Indirect speech ในลักษณะ ประโยคบอกเล่า หรือประโยคปฎิเสธ เช่น
The teacher told me that I had enjoyed to study aboard. คุณครูบอกฉันว่า ฉันจะสนุกกับการเรียนต่อต่างประเทศ
Say แปลว่า พูด ใช้ใน Direct และ Indirect speech เพื่อบอกว่า ใครพูดอะไรโดยข้อความหลัง Say ถ้าใส่เครื่องหมายคำพูดหมายความว่า เราเอาคำพูดของอีกบุคคลหนึ่งมาพูด (Direct Speech) แต่ถ้าไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดแสดงว่า เราดัดแปลง/อ้างอิงคำพูดของผู้อื่นมาพูด (Indirect Speech)
Direct Speech : Max said, “I love my wife”. แมกซ์ พูดว่า “ฉันรักภรรยาของฉัน”
Indirect Speech : Max said that he loves his wife.” แมกซ์ พูดว่า เขารักภรรยาของเขา
โครงสร้างของ Say มีดังนี้
1. Say + somethings (+ to some one) ใช้กับสิ่งของบางอย่าง หรือเหตุการณ์บางอย่าง เช่น
Marry said something really sad to me. แมร์รี่บอกอะไรบางอย่างที่น่าเศร้ากับฉัน
He said nothing. เขาบอกว่าไม่มีอะไร
2. Say + “that” clause ใช้ say กับ that ตามด้วยประโยค เช่น
He said that he was Mr.Tom. เขาพูดว่าเขาคือนายทอม
3. Say + “wh-” noun clause ใช้ say กับประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนคำนาม เช่น
May didn’t say when she came to home. เมย์ไม่ได้บอกว่าจะกลับบ้านเมื่อใด
4.Say + to + verb ใช้ say กับ to ตามด้วยคำกิริยา เช่น
My mother always says to study hard. แม่ฉันบอกเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน
สรุปความหมายของ Tell กับ Say แตกต่างกันขึ้นกับรูปแบบของประโยค ดังนี้
Please tell me your name กรุณาบอกชื่อของคุณ
Please say your name กรุณาสะกดชื่อของคุณ
อ่านต่อ “ความแตกต่างระหว่าง MUST และ HAVE TO”
อ่านต่อ “วิธีใช้ JUST/ YET/ ALREADY”