เราเรียนคำทักทาย Good morning Good afternoon กันมานานแล้ว แต่เคยรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วเขามีการแบ่งเวลาออกมาแน่นอนเลยว่า ช่วงเช้าคือตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง ช่วงบ่ายหรือเย็นคือตั้งแต่กี่โมง
มาเริ่มกันที่ morning เลย ช่วงเช้า หรือ morning จะเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นหรือประมาณ (5.00 am. – 11.59 am.)
บางทีเราอาจจะได้ยินคำว่า early morning นั่นหมายถึงเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง และคำว่า dawn คือตอนเช้าตรู่หรือ รุ่งอรุณ ซึ่งก็คือช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นนั่นเอง
พอมาถึงช่วง afternoon ก็จะหมายถึงเวลา 12.00 – 17.00 น. แต่ถ้าพูดถึงเวลา early afternoon นี่เขาก็จะหมายถึงช่วง 11.00 – 13.00 น. อีกคำหนึ่งที่เห็นบ่อยคือการใช้คำว่า noon ซึ่งก็จะหมายถึงตอนเที่ยงพอดี เวลาใช้จะไม่ใช้ in noon นะแต่ให้ใช้ at noon เพราะถือว่าเป็นเวลาเฉพาะที่แน่นอนคือเที่ยงตรงพอดี เช่น
We have lunch at noon. พวกเราทานอาหารกลางวันเวลาเที่ยงตรง
แต่ถ้าพูดถึง late afternoon คือ เวลาบ่ายแก่ๆ โดยนับตั้งแต่ 16.00-18.00น. ซึ่งเวลา 18.00น. นี้ก็อาจจะไปคาบเกี่ยวกับเวลาเย็น (evening) เล็กน้อย
มาถึงช่วงเย็นกันบ้าง เวลา evening เขาเริ่มนับตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น.เขานับไปจนเวลาห้าทุ่มเลย แต่สำหรับคนไทยเราอาจจะคิดว่ามันคือเวลากลางคืนแล้ว แต่ถ้าเป็น early evening ก็คือช่วง 17.00-19.00น.
บางคนอาจจะเคยเห็นคำว่า dusk คำนี้หมายถึง ช่วงที่พระอาทิตย์ตก หรือเวลาโพล้เพล้ยามเย็นนั้นเอง
คำว่าเที่ยงคืน ก็ใช้คำว่า midnight ซึ่งใช้กับคำบุพบท at เช่นเดียวกับคำว่า noon แต่สำหรับช่วงเวลาอื่นๆ คือ morning / early morning / afternoon / late afternoon ให้ใช้กับบุพบท in เช่น
The dew falls in early morning. น้ำค้างลงตอนเช้าตรู่
Today we were busy, so we had lunch in the late afternoon. วันนี้พวกเรายุ่งกันมาก เลยได้ทานอาหารกลางวันตอนบ่ายแก่ๆ แล้ว
คำว่า dawn กับ dusk ก็ใช้กับ at เหมือนกัน เช่น
We reached the top of the hills at dawn. พวกเรามาถึงยอดเขาตอนเช้าตรู่
หรือสามารถใช้กับบุพบทตัวอื่นๆ ได้ ตามความหมายของบุพบทนั้น เช่น
I’m so exhausted. I’ve been working from dawn to dusk. ฉันรู้สึกล้ามากๆ เพราะฉันทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเย็นโดยไม่ได้หยุดเลย
ก็น่าจะพอเข้าใจการใช้เวลาในช่วงต่างๆ กันแล้ว ทีนี้ก็คงหายสงสัยกันเสียทีว่า ตอนนี้ควรจะใช้ morning หรือ afternoon หรือ evening ดีเวลาที่ต้องบอกเวลา