May และ Might เป็นคำกริยาช่วย (helping verb) ที่ใช้เพื่อแสดงความอาจจะเป็นไปได้ (possibility) ทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคต
May และ Might แปลว่า “อาจจะ, น่าจะ, บางที”
May = โอกาสที่จะเป็นไปได้นั้นคือ 50/50
แต่ Might = แทบไม่มีโอกาสเลย พอมีโอกาสเป็นไปได้บ้างแต่น้อยมาก แสดงให้เห็นว่าผู้พูดไม่มีความมั่นใจ และสามารถใช้เพื่อแสดงความสุภาพ
หลักการใช้ May และ Might พร้อมตัวอย่างประโยค
1) ใช้พูดถึงความเป็นไปได้ หรือโอกาสของเหตุการณ์ที่บางทีอาจเกิดจริงหรืออาจจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น
– I may stay at home. (= Perhaps I will stay at home.)
= ผมอาจจะอยู่บ้าน
– Be careful. You might burn yourself. (= Perhaps you will burn yourself.)
= ระวัง คุณอาจจะโดนไฟไหม้ (ซึ่งคุณไม่น่าจะโดนไฟไหม้)
2) ใช้ในการขออนุญาต
ตัวอย่างเช่น
– May I use your pen, please?
= ขออนุญาตยืมปากกาของคุณได้ไหม?
– May I come in?
= ขออนุญาตเข้าไปข้างในได้ไหม
– Might I ask you a question? (Might จะดูสุภาพและเป็นทางการมากกว่า May)
= ผมขออนุญาตเรียนถามท่านหน่อยจะได้ไหมครับ
– I wonder if I might have another cup of coffee? (Might จะดูสุภาพและเป็นทางการมากกว่า May)
= จะเป็นไรไหมครับ ถ้าผมจะขอกาแฟเพิ่มอีกแก้ว
3) ใช้ may ในการอนุญาตและไม่อนุญาต
ตัวอย่างเช่น
-Children may not play alone in the pool.
= อนุญาตให้เด็กลงสระโดยลำพัง
– Students may use mobile phones in the classroom.
= นักเรียนสามารถใช้มือถือในห้องเรียนได้
– The class is finished, you guys may go home.
= คลาสจบแล้ว พวกคุณกลับบ้านได้
– You may not go outside until you finish your homework.
= เธอออกไปข้างนอกไม่ได้จนกว่าจะทำการบ้านเสร็จ
4) ใช้ may ในการอวยพร
ตัวอย่างเช่น
– May god bless you and your family.
= ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ และครอบครัวของคุณ
– May all your wishes come true.
= ขอให้ความปรารถนาของคุณเป็นจริง
5) ใช้ may have หรือ might have ตามด้วย Verb ช่องที่ 3 ในการพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และผู้พูดไม่มั่นใจว่าเกิดขึ้นหรือไม่
ตัวอย่างเช่น
– I might have left the door open.
= ฉันน่าจะลืมปิดประตู
– Harry may have gone when I called him.
= แฮรี่น่าจะออกไปแล้วตอนที่ฉันโทรหาเขา
อ่านต่อ “ความหมายของ one + หลักการใช้ one VS ones”
อ่านต่อ “SO vs SUCH ต่างกันอย่างไร ?”