อัพคะแนน!! ข้อสอบรูปแบบ Incomplete Sentences “Word Usage (การใช้คำ)”ใน TOEIC

2776

ข้อสอบในรูปแบบ Incomplete Sentences ยังคงสร้างความกังวลให้เพื่อนๆ กันอยู่ไม่น้อยเลยเวลาต้องเตรียมตัวสอบ TOEIC อย่างไรก็ตามแต่วันนี้เรามีเทคนิคเพิ่มเติมในการช่วยให้คะแนนใน Part นี้เพิ่มขึ้นกัน ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ Word Usage (การใช้คำ) “

1. หลักการใช้คำ

.

ผู้เขียนบทความเป็นภาษาอังกฤษควรสนใจหลักการใช้คำดังนี้

1.1.  รู้จักชนิดของคำ (parts of speech) ในการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง ต้องรู้จักชนิดของคำ (parts of speech)

คำแบ่งออกเป็นสองชนิดคือชนิดปิด  (closed classes)  มีจำกัด และ ชนิดเปิด (open classes) มีจำนวนมากมีคำใหม่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของศาสตร์นั้น ๆเช่นคอมพิวเตอร์มีศัพท์ใหม่จำนวนมาก             

Closed classes   มีจำกัด ตายตัว ประกอบด้วยคำต่อไปนี้

  •      Pronoun:  he, she, it…
  •      Determiner: the, a, an, that, some …
  •      Primary verb:  Be, Have, Do
  •      Modal verb: can, could, will, would, shall, should
  •      Conjunction: and, or, while

Open classes มีจำนวนมาก มีคำใหม่เพิ่มขึ้นตามการพัฒนาของศาสตร์นั้น ๆ

  •      Noun:  เช่น research
  •      Adjective: เช่น important, up-to-date
  •      Full verbs: เช่น identify, propose, state
  •      Adverb: เช่น significantly

1.2 ใช้ชนิดของคำ (parts of speech) ให้ถูกต้อง

        ในการเขียนประโยคต้องใช้ชนิดของคำ (parts of speech) ให้ถูกต้องตามตำแหน่งในโครงสร้างของประโยค   คำนามสังเกตได้จากคำลงท้าย (suffix) เช่น  ance คำที่ลงท้าย ance มักจะเป็นคำนามเช่น significance คำคุณศัพท์สังเกตจากคำลงท้าย ant  เช่น significant  คำกริยาวิเศษณ์สังเกตจากคำลงท้าย ly เช่น significantly

        รูปของคำกริยา  สังเกตได้จากคำลงท้าย   fy  identify หรือสังเกตจาก prefix เช่น dis เติมหน้าคำagree  เป็น disagree

1.3   การรู้รากศัพท์ (roots) จะช่วยให้มีวงศัพท์มากขึ้น

      การรู้รากศัพท์นอกจากจะช่วยให้เข้าใจความหมายของคำศัพท์มากขึ้นยังสามารถใช้คำได้ตรงตามความหมายยิ่งขึ้น เช่น  รากศัพท์ solve, solut มีความหมายว่า loosen คำศัพท์เช่น solution, solve หมายถึงแก้ปัญหา

       รากศัพท์ gress  มีความหมายว่า step, move  คำศัพท์เช่น progress หมายถึงความก้าวหน้า  regression  หมายถึงการถอยหลัง

 1.4  ใช้  affixes ให้ถูกต้องตรงความหมาย affixes ประกอบด้วย prefix และ suffix

prefix คือส่วนที่ประกอบด้วยตัวอักษรเดียวหรือมากกว่า เพิ่มไว้หน้าคำเพื่อสร้างคำใหม่โดยไม่เปลี่ยนหน้าที่ของคำนั้น แต่เปลี่ยนความหมาย เช่น pre-test, post-test  มาจาก test (v, n)

suffix คือส่วนที่ประกอบด้วยตัวอักษรเดียวหรือมากกว่า วางไว้หลังคำเพื่อสร้างคำใหม่ เปลี่ยนหน้าที่ของคำนั้น และเปลี่ยนความหมาย เช่น interview(v, n), interviewee  (n), interviewer (n).

  1.5 ในบางกรณีอาจใช้คำซ้ำ หรือคำเหมือน คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (synonyms) หรือคำตรงกันข้าม (antonyms) เพื่อย้ำความหรือเพื่อเน้น

  1.6 ต้องรู้จักคำที่มีความหมายตามตัวอักษรและคำที่แสดงนัยยะ (denotation and connotation)

ในการเขียนงานทางวิชาการต้องระมัดระวังการใช้คำ หากใช้คำที่มีนัยยะด้านลบ การวิเคราะห์หรือการเขียนก็จะให้ความรู้สึกในทางลบ หรือการให้ คำจำกัดความ (definition) ต่างๆ เช่น high culture/low culture ต้องระมัดระวังให้ตรงกับข้อเท็จจริงมากที่สุด บางครั้งใช้เครื่องหมาย ๆ quotation (‘ ’ ) เพื่อแสดงถึงความหมายเฉพาะ หรือเพื่อต้องการเน้น ผู้เขียนควรศึกษาการใช้คำจากพจนานุกรมให้ชัดเจนก่อนด้วยนะ

Share
.