ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเลยว่าเนื้อหาสำคัญมากๆ เนื่องจากว่าเป็นหัวใจของการสื่อสารภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ Part of speech หรือชนิดของคำนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น A computer คือคำนาม …. Run คือคำกริยา …. Happy เป็นคำ Adjective หรือ Very ที่เป็นคำ Adverb
แล้วทำไมการรู้ Part of speech ถึงได้สำคัญ เราได้รวบรวมเหตุผลดังข้างล่างให้
- ใช้ในการเรียบเรียงประโยคให้ถูกต้อง
- ** เอาไว้ใช้ดู Keyword หรือคำที่สำคัญในประโยค
เพื่อนๆ เชื่อหรือไม่ว่าการที่เรารู้จัก Part of speech ดีจะทำให้เราสามารถตัดคำขยายในประโยคมากมายแล้วทำให้เราได้รับใจความสำคัญจริงๆได้
เราจะมาลองค่อยๆตัดประโยคกัน
- A very old savage and stubborn dog from Building A is extremely dangerous for everyone living near it.
(หมาที่แก่ ดุ และดื้อมากๆตัวนั้นที่มาจากตึก A เป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อทุกคนที่อาศักอยู่ใกล้ๆมัน)
เราลองมาตัดประโยคนิดหน่อย
- An old savage and stubborn dog from Building A is dangerous for everyone living near it.
เราได้ลองตัดคำว่า Very และ Extremelyแปลว่า มาก หรือ อย่างมาก ที่เป็น Adverb ส่วนขยายของประโยค เรายังคงเห็นได้ว่าประโยคนี้สุดท้ายยังคงอ่านรู้เรื่องอยู่
เราลองมาตัดเพิ่มเติมกันอีก
- A dog from building A is dangerous for everyone living near it.
ทีนี้เราได้ลองทำการตัดคำ Adjective (old – แก่, savage – ดุร้าย, stubborn – ดื้อ)ที่เป็นส่วนขยายของคำนามออกไป ก็ยังคงเห็นว่าใจความสำคัญของประโยคนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม
- “หมาจากตึก A เป็นอันตรายต่อทุกคนที่อาศัยอยู่ใกล้มัน”
ทีนี้ถ้าเราลองตัดให้เหลือแค่ประโยคที่ไม่มีส่วนขยายดูเลย
- A dog is dangerous.
“หมาเป็นอันตราย”
เราได้ลองตัด from building A และ for everyone who living near it ที่เป็นส่วนขยายประโยคจากคำบุพบท (Preposition) อย่างไรก็ตามรูปประโยคกันยังคงสมบูรณ์อยู่ เพราะเรายังคงแก่นของประโยคนั่นของ ประธาน + กริยา + กรรม เพียงแต่ว่าความหมายขาดไปจากเดิมเยอะอยู่
จากตัวอย่างข้างบน เราจึงแนะนำให้เพื่อนๆ ที่รู้สึกว่าการอ่านภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยาก ควรลองแยก Part of speech แต่ละคำให้ออกควบคู่ไปกับการท่องศัพท์หรือเรียนไวยกรณ์ด้วย เพราะมันจะทำให้เพื่อนๆสามารถเดาความหมายประโยคโดยรวมได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายเรามาดูกันว่า Part of speech มีอะไรบ้าง ลองไปดูกันเลย
Part of speech มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ชนิด ได้แก่
1. Noun (คำนาม) คือคำที่ใช้แทนคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ (รวมถึง ชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่)
2. Pronoun (สรรพนาม) คือ คำที่ใช้แทนคำนามด้านบน เช่น I me/ you/ he him/ she her/it/ this /that
3. Adjective (คุณศัพท์) คือคำที่ใช้บอกลักษณะของคำนาม เช่น tall short small big
4. Verb (กริยา) คือคำที่ใช้แสดงการกระทำ เช่น go come run walk
**สำคัญ และควรแยกออกให้ได้
5. Adverb (กริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้อธิบายการกระทำว่าทำอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เช่น fast slowly here there today yesterday
6. Conjunction (คำสันธาน) คือคำที่ใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยค เช่น and but or so
7. Preposition (คำบุพบท) คือคำที่ใช้แสดงความสัมพันธ์ของคำ เช่น in on at by from8. Interjection (คำอุทาน) คือคำที่ใช้แสดงอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ เสียใจ เช่น wow eh um
เหมือนจะง่ายแต่ก็พลาดกันได้บ่อย ในการทำข้อสอบ TOEIC หรือการสนทนาในชีวิตประจำวัน